ตลาดเกิดใหม่กับการเติบโตของธุรกิจระหว่างประเทศในยุคหลังวิกฤต โอกาสทองที่สาวๆ อย่างเราต้องคว้าไว้
เอาล่ะสาวๆ! หลังจากที่เราผ่านช่วงเวลาสุดปั่นป่วนของโลกกันมา ทั้งวิกฤตโรคระบาด ทั้งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ หลายคนอาจจะรู้สึกว่าโลกธุรกิจมันช่างโหดร้าย แต่เดี๋ยวก่อน! ในทุกวิกฤตมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ และตอนนี้สปอตไลท์ดวงใหญ่กำลังส่องไปที่คำว่า “ตลาดเกิดใหม่” (Emerging Markets) บอกเลยว่านี่คือขุมทรัพย์แห่งใหม่ที่ธุรกิจทั่วโลกกำลังจับตามอง และเป็นเวทีแจ้งเกิดสำหรับธุรกิจไทยและคนรุ่นใหม่อย่างพวกเราเลยล่ะ!
ลืมภาพจำเก่าๆ ที่ว่าการทำธุรกิจระหว่างประเทศเป็นเรื่องของบริษัทยักษ์ใหญ่ไปได้เลย เพราะในยุคดิจิทัลที่อะไรก็เร็วไปหมด โลกทั้งใบย่อลงมาอยู่ในมือถือของเราแล้ว วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันแบบเข้าใจง่ายๆ ว่าทำไมตลาดเกิดใหม่ถึงเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง และเราจะกระโจนเข้าไปคว้าโอกาสนี้มาเป็นของเราได้ยังไงบ้าง
ก่อนอื่น… “ตลาดเกิดใหม่” หรือ Emerging Markets มันคืออะไรกันแน่?
พูดง่ายๆ เลยนะ ตลาดเกิดใหม่ก็คือกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วง ‘โตวันโตคืน’ ค่ะ ไม่ได้เจริญเต็มที่แบบอเมริกา ยุโรป หรือญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้ยากจนข้นแค้น พวกเขามีศักยภาพในการเติบโตสูงมากกก! ลองนึกภาพเด็กวัยรุ่นที่กำลังโตเป็นหนุ่มสาว กำลังมีแรง มีไฟ มีความต้องการอยากได้อยากลองอะไรใหม่ๆ นั่นแหละคือฟีลของตลาดเกิดใหม่เลย
ตัวอย่างกลุ่มประเทศที่เราคุ้นหูกันดีก็เช่น:
- กลุ่ม BRICS: บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน, และแอฟริกาใต้ (แม้จีนจะดูเป็นพี่ใหญ่ไปแล้ว แต่ก็ยังถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้)
- กลุ่มอาเซียน (ASEAN): โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านเราอย่าง เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย รวมถึงกลุ่ม CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) ซึ่งเป็นตลาดที่ธุรกิจไทยได้เปรียบสุดๆ
- ประเทศอื่นๆ: เม็กซิโก, ตุรกี, ประเทศในแถบตะวันออกกลางบางประเทศ เป็นต้น
ทำไมจู่ๆ ทุกคนถึงหันมามองตลาดเกิดใหม่กันล่ะ?
ในยุคหลังวิกฤตที่ตลาดในประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets) เริ่มจะอิ่มตัว การเติบโตเป็นไปอย่างเชื่องช้า ตลาดเกิดใหม่เลยกลายเป็นนางเอกขี่ม้าขาวขึ้นมาทันที ด้วยเหตุผลปังๆ เหล่านี้:
1. พลังของคนรุ่นใหม่และชนชั้นกลางที่กำลังเติบโต (Young & Growing Middle Class)
ประเทศเหล่านี้มีสัดส่วนประชากรวัยหนุ่มสาวสูงมาก ซึ่งหมายถึงแรงงานคุณภาพและกลุ่มผู้บริโภคขนาดมหึมาที่พร้อมจะใช้จ่าย คนกลุ่มนี้เริ่มมีรายได้มากขึ้น กลายเป็น ‘ชนชั้นกลางใหม่’ ที่มีกำลังซื้อ มีความต้องการสินค้าและบริการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนดีๆ, เสื้อผ้าแฟชั่น, เครื่องสำอาง, คอร์สเรียนออนไลน์ ไปจนถึงบริการทางการเงินล้ำๆ พวกเขากระหายแบรนด์ใหม่ๆ และเปิดรับเทรนด์จากต่างประเทศสุดๆ
2. การก้าวกระโดดทางดิจิทัล (Digital Leapfrogging)
ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วค่อยๆ เปลี่ยนผ่านจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมาสู่มือถือ แต่ในตลาดเกิดใหม่หลายๆ ที่ พวกเขาข้ามสเต็ปนั้นไปเลย! คนส่วนใหญ่มีสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต ทำให้พฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ (E-commerce), การใช้โซเชียลมีเดีย, และการทำธุรกรรมผ่านมือถือ (Mobile Banking) เติบโตแบบก้าวกระโดด นี่คือโอกาสทองของการทำ การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) ที่จะเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรงด้วยต้นทุนที่ไม่สูงเท่าสมัยก่อน
3. โครงสร้างพื้นฐานที่กำลังพัฒนาแบบติดสปีด
รัฐบาลในหลายประเทศทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนน, รถไฟความเร็วสูง, ท่าเรือ, สนามบิน และที่สำคัญคือเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อย่างในประเทศไทยเอง เราก็มีโครงการ EEC (Eastern Economic Corridor) ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก การพัฒนานี้ช่วยลดอุปสรรคด้านโลจิสติกส์ ทำให้การขนส่งสินค้าและการทำธุรกิจระหว่างประเทศสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
4. ความต้องการกระจายความเสี่ยงของ Supply Chain
วิกฤตที่ผ่านมาสอนให้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกรู้ว่า การพึ่งพาฐานการผลิตแค่ในประเทศจีนประเทศเดียวมันเสี่ยงเกินไป! เทรนด์ “China Plus One” หรือการหาฐานการผลิตแห่งที่สองสามสี่นอกประเทศจีนจึงบูมขึ้นมา ซึ่งประเทศไทยและประเทศในอาเซียนคือหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ เพราะมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ดี มีแรงงานที่มีทักษะ และรัฐบาลก็ให้การสนับสนุน นี่คือโอกาสสำหรับโรงงานและ SME ไทยที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานระดับโลก
โอกาสทองของ ‘ธุรกิจระหว่างประเทศ’ ที่เราต้องรู้!
พอเห็นภาพรวมแล้วใช่มั้ยว่าทำไมมันถึงน่าตื่นเต้น ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่ามีเทรนด์ธุรกิจอะไรบ้างที่กำลังมาแรงในตลาดเกิดใหม่ และสาวๆ อย่างเราจะเข้าไปมีส่วนร่วมได้ยังไง
1. E-commerce และ Social Commerce ยังไงก็ไม่ตาย
สินค้าไทย โดยเฉพาะเครื่องสำอาง, สกินแคร์, สินค้าแฟชั่น, และอาหารแปรรูป เป็นที่ชื่นชอบมากในตลาดเพื่อนบ้านอย่าง CLMV, มาเลเซีย, และฟิลิปปินส์ การเปิดร้านบนแพลตฟอร์ม E-commerce ใหญ่ๆ อย่าง Lazada, Shopee ในประเทศนั้นๆ หรือการทำ Social Commerce ขายผ่าน Facebook, Instagram, TikTok เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้นเจาะตลาด ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านก็ขายของข้ามประเทศได้แล้ว!
2. ธุรกิจสาย Tech และบริการดิจิทัล
ตลาดเกิดใหม่มีความต้องการโซลูชันทางเทคโนโลยีสูงมาก ไม่ว่าจะเป็น:
- FinTech: แอปพลิเคชันชำระเงิน, การให้สินเชื่อรายย่อย, การลงทุนดิจิทัล
- HealthTech: แอปฯ ปรึกษาแพทย์ทางไกล, บริการดูแลสุขภาพที่บ้าน
- EdTech: แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์, คอร์สสอนทักษะใหม่ๆ
- SaaS (Software as a Service): ซอฟต์แวร์สำหรับบริหารจัดการธุรกิจ SME
ถ้าคุณเป็นโปรแกรมเมอร์, นักการตลาดดิจิทัล, หรือมีไอเดียธุรกิจสายเทคฯ นี่คือโอกาสที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ Pain Point ของคนในตลาดเหล่านี้
3. ธุรกิจสีเขียวและยั่งยืน (ESG)
อย่าคิดว่าเรื่องรักษ์โลกเป็นเทรนด์เฉพาะในประเทศตะวันตกนะ! ผู้บริโภครุ่นใหม่ในตลาดเกิดใหม่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม, สังคม, และธรรมาภิบาล (ESG – Environmental, Social, and Governance) มากขึ้นเรื่อยๆ แบรนด์ที่มีจุดยืนชัดเจนเรื่องความยั่งยืน, ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, หรือช่วยเหลือสังคม จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ นี่คือโอกาสของสินค้าออร์แกนิก, สินค้า Upcycling, และธุรกิจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของไทยเลย
4. ธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว
แน่นอนว่า การท่องเที่ยวของไทย คือจุดแข็งที่ไม่มีใครเทียบได้ หลังวิกฤตผู้คนโหยหาการเดินทาง และนักท่องเที่ยวจากอินเดีย, ตะวันออกกลาง, และอาเซียน กำลังกลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ธุรกิจโรงแรม, สปา, ร้านอาหาร, บริการนำเที่ยว, หรือแม้แต่ Medical Tourism (การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ) มีโอกาสเติบโตอีกมหาศาล
แน่นอนว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ: ความท้าทายที่ต้องเจอ
การบุกตลาดต่างประเทศก็เหมือนการผจญภัยค่ะ มันมีทั้งเรื่องน่าตื่นเต้นและอุปสรรคที่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม:
- ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ: บางประเทศอาจยังมีความผันผวนสูง ต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
- กฎระเบียบที่ซับซ้อน: เรื่องภาษี, การขอใบอนุญาตต่างๆ อาจจะยุ่งยากและแตกต่างจากบ้านเรา
- ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษา: นี่คือเรื่องสำคัญที่สุด! การทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในท้องถิ่น (Localization) คือกุญแจสู่ความสำเร็จ การใช้ภาษาอังกฤษอย่างเดียวอาจไม่พอ
- การแข่งขันที่สูงขึ้น: ไม่ใช่แค่เราที่เห็นโอกาส แต่ธุรกิจจากทั่วโลกก็กำลังมุ่งหน้าไปที่นั่นเช่นกัน
Checklist สำหรับสาวๆ ที่พร้อมจะ Go Global!
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วไฟเริ่มลุกโชน อยากจะลองลุยตลาดต่างประเทศดูบ้างแล้วใช่มั้ย? มาค่ะ! นี่คือ Checklist เริ่มต้นง่ายๆ สำหรับการเตรียมตัว:
- ศึกษาข้อมูลให้ลึกซึ้ง: เลือกประเทศเป้าหมายที่สนใจ แล้วศึกษาให้ละเอียด ทั้งด้านวัฒนธรรม, พฤติกรรมผู้บริโภค, คู่แข่ง, และกฎหมายการค้า อย่าทำธุรกิจตามกระแสโดยไม่มีข้อมูล!
- ปรับสินค้าและบริการให้เข้ากับท้องถิ่น (Localize): อย่ายึดติดว่าสิ่งที่เวิร์กในไทยจะต้องเวิร์กที่อื่นเสมอไป ลองปรับรสชาติ, ขนาดบรรจุภัณฑ์, หรือแม้แต่ชื่อแบรนด์ ให้เข้ากับคนท้องถิ่น
- สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ให้แข็งแกร่ง: สร้างเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียที่ใช้ภาษาท้องถิ่นหรือภาษาอังกฤษที่ดีพอ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
- หาพาร์ทเนอร์ท้องถิ่น: การมีตัวแทนจำหน่าย, ที่ปรึกษา, หรือพาร์ทเนอร์ที่เป็นคนในพื้นที่ จะช่วยให้เราเข้าใจตลาดและลดอุปสรรคต่างๆ ได้มหาศาล
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หน่วยงานภาครัฐอย่าง กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) หรือธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) มีบริการให้คำปรึกษาและช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยอยู่เสมอ อย่าลังเลที่จะเข้าไปขอความช่วยเหลือ!
บทสรุป: อนาคตอยู่ที่นี่…ในตลาดเกิดใหม่
โลกหลังวิกฤตได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ของเศรษฐกิจโลกไปอย่างสิ้นเชิง ตลาดเกิดใหม่ไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” อีกต่อไป แต่เป็น “สมรภูมิหลัก” ของการเติบโตทางธุรกิจในทศวรรษนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้มาพร้อมกับโอกาสมหาศาลสำหรับธุรกิจไทยและคนรุ่นใหม่อย่างพวกเรา ที่มีความคิดสร้างสรรค์, ความเข้าใจในเทคโนโลยีดิจิทัล, และความกล้าที่จะลองอะไรใหม่ๆ
มันอาจจะดูเป็นเรื่องใหญ่และท้าทาย แต่จำไว้ว่าทุกการเดินทางที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ เสมอค่ะ เริ่มจากการศึกษา, การวางแผน, และกล้าที่จะทดลอง ไม่แน่ว่าธุรกิจเล็กๆ ของคุณในวันนี้ อาจกลายเป็นแบรนด์ระดับนานาชาติที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดเกิดใหม่ก็เป็นได้… ยุคนี้ใครไวกว่าคนนั้นชนะ พร้อมแล้วก็ลุยเลย!
“`