ป.โทเอก Business ContentHub Content

นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโดย Next Gen CEO: 5 ตัวอย่างจากไทยและเวทีโลก

Next Gen CEO

นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนโดย Next Gen CEO: 5 ตัวอย่างจากไทยและเวทีโลก

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้แค่วิ่งตาม แต่กำลังเป็นผู้กำหนดทิศทางลม พวกเขาคือ CEO รุ่นใหม่  (Next-generation CEO) ผู้นำที่ไม่ได้วัดความสำเร็จจากตัวเลขในตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่วัดจาก “ผลกระทบ” ที่พวกเขาสร้างขึ้นให้กับองค์กร, สังคม และโลกใบนี้

การเรียนรู้จากผู้นำเหล่านี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของการหา Role Model แต่คือการถอดรหัสเพื่อสร้างเส้นทางความสำเร็จในแบบฉบับของเราเอง วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันค่ะ ว่าอะไรคือ DNA ที่ทำให้ Next Gen CEO แตกต่าง และเราจะนำบทเรียนจากพวกเขา ทั้งจาก CEO ไทย ที่เราคุ้นเคย ไปจนถึงผู้นำระดับโลก มาปรับใช้กับ Career Path ของเราได้อย่างไร

ถอดรหัส DNA ของ CEO รุ่นใหม่: ไม่ใช่แค่ตำแหน่ง แต่คือ “วิธีคิด”

CEO ยุคใหม่คือคนที่พร้อมจะลงมาคลุกฝุ่น, รับฟัง, และเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เสมอ พวกเขามีคุณสมบัติร่วมกันบางอย่างที่น่าสนใจ ซึ่งเปรียบเสมือน DNA ที่ขับเคลื่อนองค์กรให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า

1. มองการณ์ไกลด้วย Empathy (Vision with Empathy)

วิสัยทัศน์ไม่ใช่แค่การมองเห็นอนาคต แต่คือการ “รู้สึก” ถึงอนาคต ผู้นำรุ่นใหม่เข้าใจดีว่านวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกิดจากการเข้าใจความต้องการที่ซ่อนอยู่ของลูกค้าและพนักงาน พวกเขาใช้ Empathy เป็นเครื่องมือในการมองหา Pain Point และสร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การสร้างผลิตภัณฑ์ แต่คือการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ

2. กล้าลองผิดลองถูก (Fail Fast, Learn Faster)

ในยุคที่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน การยึดติดกับแผนเดิมๆ คือหนทางสู่ความล้มเหลว CEO รุ่นใหม่มองว่า “ความผิดพลาด” ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็น “ข้อมูล” ที่มีค่าที่สุด พวกเขาสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการทดลอง กล้าที่จะล้มเร็ว เพื่อที่จะได้เรียนรู้และลุกขึ้นใหม่ได้เร็วกว่าคู่แข่ง แนวคิดนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการสตาร์ทอัพอีกต่อไป แต่บริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลกต่างนำไปปรับใช้เพื่อความอยู่รอดและเติบโต

3. ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ไม่ใช่แค่สัญชาตญาณ (Data-Driven, Not Just Intuition)

แม้ประสบการณ์และสัญชาตญาณจะยังคงสำคัญ แต่ Next Gen CEO ให้ความสำคัญกับ Data เป็นอย่างมาก พวกเขาใช้ข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า, วัดผลแคมเปญ, เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และที่สำคัญคือ “คาดการณ์” แนวโน้มในอนาคต การตัดสินใจที่เฉียบคมในวันนี้ ไม่ได้มาจากความรู้สึก แต่มาจากข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์มาอย่างดีแล้ว

4. สร้าง “วัฒนธรรม” ไม่ใช่แค่ “กฎระเบียบ” (Building “Culture,” Not Just “Rules”)

Next Gen CEO รู้ดีว่าสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของบริษัทคือ “คน” พวกเขาจึงทุ่มเทให้กับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ที่ซึ่งพนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง, มีอิสระในการแสดงความคิดเห็น, และเติบโตไปพร้อมกับองค์กรได้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย Work-Life Integration, การส่งเสริมความหลากหลาย (Diversity & Inclusion) หรือการสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยทางจิตใจ (Psychological Safety) สิ่งเหล่านี้คือแม่เหล็กที่ดึงดูดและรักษาคนเก่งๆ ไว้กับองค์กร

5. Purpose Over Profit: ธุรกิจที่มาพร้อมความหมาย

ผลกำไรยังคงเป็นสิ่งจำเป็น แต่สำหรับ CEO รุ่นใหม่ มันไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด พวกเขาเชื่อว่าธุรกิจที่ยั่งยืนคือธุรกิจที่มี “Purpose” หรือเป้าประสงค์ที่ชัดเจนในการทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม แนวคิดเรื่อง ความยั่งยืน (Sustainability) และ ESG (Environmental, Social, Governance) ไม่ใช่แค่แผนก CSR อีกต่อไป แต่ถูกฝังลึกเข้าไปในแก่นของกลยุทธ์ธุรกิจ ซึ่งสิ่งนี้ไม่เพียงสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แต่ยังสร้างความผูกพันกับลูกค้าและพนักงานในระยะยาว


สปอตไลท์ส่อง CEO ไทย: พลังคนรุ่นใหม่พลิกเกมธุรกิจ

ไม่ต้องมองไปไกลถึงซิลิคอนแวลลีย์ ในประเทศไทยของเราก็มีผู้นำรุ่นใหม่มากมายที่กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนและเป็นแรงบันดาลใจให้กับพวกเราได้อย่างดีเยี่ยมค่ะ

ตัวอย่างที่ 1: คุณจรีพร จารุกรสกุล – WHA Group

ในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คุณจรีพรคือภาพสะท้อนของผู้หญิงเก่งที่ไม่ได้นำพาองค์กรไปสู่การเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์และนิคมอุตสาหกรรมอันดับหนึ่งของไทยเท่านั้น แต่เธอยังมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาขับเคลื่อนธุรกิจอย่างจริงจัง

  • นวัตกรรมที่ขับเคลื่อน: WHA Group ภายใต้การนำของคุณจรีพรได้ทรานส์ฟอร์มตัวเองไปสู่ “Tech Company” อย่างเต็มรูปแบบ มีการนำหุ่นยนต์, ระบบอัตโนมัติ, และ AI เข้ามาใช้ในคลังสินค้าอัจฉริยะ (Smart Warehouse) รวมถึงการลงทุนในธุรกิจดิจิทัลและพลังงานสะอาดอย่างจริงจัง
  • บทเรียนสำหรับเรา: คุณจรีพรแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าเราจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่ดูเหมือนจะดั้งเดิมแค่ไหน เราก็สามารถเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และมองหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจอยู่เสมอ ความกล้าที่จะออกจาก Comfort Zone คือกุญแจสำคัญ

ตัวอย่างที่ 2: คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ (พี่หมู) – Ookbee / 500 Tuktuks

พี่หมูคือไอคอนของวงการสตาร์ทอัพไทยอย่างแท้จริง จากผู้ก่อตั้ง Ookbee แพลตฟอร์มอีบุ๊กที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ สู่การเป็น Venture Capital ที่ปลุกปั้นสตาร์ทอัพไทยรุ่นใหม่ๆ ผ่านกองทุน 500 Tuktuks (ปัจจุบันคือ ORZON Ventures) เขาคือตัวแทนของแนวคิด “Fail Fast, Learn Faster” ที่เป็นรูปธรรมที่สุด

  • นวัตกรรมที่ขับเคลื่อน: พี่หมูไม่ได้สร้างนวัตกรรมแค่ในบริษัทของตัวเอง แต่เขากำลังสร้าง Ecosystem ของนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เขาเชื่อมั่นในศักยภาพของคนรุ่นใหม่และพร้อมที่จะให้โอกาส, เงินทุน, และคำแนะนำ เพื่อให้ไอเดียดีๆ สามารถเติบโตเป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ได้
  • บทเรียนสำหรับเรา: เราเรียนรู้จากพี่หมูได้ในเรื่องของการเป็น “ผู้ให้” และการมองเห็นภาพใหญ่ การช่วยเหลือให้คนอื่นประสบความสำเร็จ ก็คือส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเราเช่นกัน ไม่ว่าเราจะอยู่ในตำแหน่งไหน เราสามารถเป็นพี่เลี้ยง (Mentor) หรือผู้สนับสนุนให้กับเพื่อนร่วมงานหรือรุ่นน้องได้เสมอ

ตัวอย่างที่ 3: คุณสมพร อำไพสุทธิพงษ์ – TQM Insurance Broker, TQM Life, และ CASMAT

จากบัณฑิตมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการเงินและการตลาด ม.ศรีปทุม สู่บทบาทผู้บริหารระดับสูงในหลากหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็น CFO ของ TQM Insurance Broker, TQM Life, และ CASMAT ไปจนถึง CEO ของ Easy Lending และกรรมการในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง BUILK และทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ เธอแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “ความรู้ + ความมุ่งมั่น + ความรับผิดชอบต่อสังคม” คือสูตรสำเร็จของผู้นำยุคใหม่

  • วิสัยทัศน์ที่ขับเคลื่อน: ไม่เพียงขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต แต่ยังลงทุนเวลาอย่างจริงจังกับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ผ่านหลักสูตรเชิงลึก อาทิ ABC Academy of Business Creativity, The Master และหลักสูตร Executive จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ตอกย้ำว่า การเป็นผู้นำในโลกปัจจุบัน ต้องไม่หยุดพัฒนาแม้แต่นาทีเดียว
  • บทเรียนสำหรับเรา: แบบอย่างของคนที่ “เติบโตไปพร้อมกับการยกระดับผู้อื่น” เธอไม่เพียงพาองค์กรให้ไปไกล แต่ยังสะท้อนบทบาทของการเป็นนักพัฒนา ทั้งคน ทีม และสังคม ด้วยหัวใจที่เอื้อเฟื้อและวิธีคิดแบบผู้ให้ เธอคือเครื่องยืนยันว่า “ความสำเร็จที่แท้จริง คือการเติบโตไปพร้อมกับโลกใบนี้อย่างมีความหมาย”

    และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจในทุกมิติ “วิชาชีพ องค์กร และสังคม” มหาวิทยาลัยศรีปทุมจึงขอยกย่องให้เธอได้รับ “รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ระดับบัณฑิตศึกษา ด้านธุรกิจ ประจำปี 2567” เพื่อเป็นเกียรติประวัติแห่งความสำเร็จ และแรงบันดาลใจสำหรับคนรุ่นต่อไป

เรียนรู้จากเวทีโลก: CEO ผู้สร้างแรงสะเทือนแห่งทศวรรษ

เมื่อมองออกไปนอกประเทศ เราจะเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า DNA ของผู้นำยุคใหม่ได้เปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจไปมากเพียงใด

ตัวอย่างที่ 1: Satya Nadella – Microsoft

ก่อนที่ Satya Nadella จะเข้ารับตำแหน่ง CEO ในปี 2014 Microsoft ถูกมองว่าเป็นยักษ์ใหญ่ที่อุ้ยอ้ายและเริ่มล้าสมัย แต่เขาได้เข้ามาพลิกฟื้นวัฒนธรรมองค์กรทั้งหมดด้วยคำว่า “Empathy” และ “Growth Mindset” เขายุติสงครามกับคู่แข่งอย่าง Apple และ Linux แล้วหันมาจับมือเป็นพันธมิตร เขาเปลี่ยนโฟกัสจาก Windows มาสู่ Cloud Computing (Azure) และ AI อย่างเต็มตัว

  • นวัตกรรมที่ขับเคลื่อน: นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Nadella ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ แต่คือ “การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร” จาก ‘Know-it-all’ (รู้ทุกอย่าง) มาเป็น ‘Learn-it-all’ (เรียนรู้ทุกอย่าง) ซึ่งปลดล็อกศักยภาพของพนักงานและทำให้ Microsoft กลับมาเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอีกครั้ง
  • บทเรียนสำหรับเรา: เรื่องราวของ Nadella สอนให้รู้ว่าทัศนคติสำคัญกว่าความสามารถ การมี Growth Mindset ที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และไม่ยึดติดกับความสำเร็จเก่าๆ คือสิ่งที่ทำให้เราพัฒนาและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไม่หยุดยั้ง

ตัวอย่างที่ 2: Whitney Wolfe Herd – Bumble

ในฐานะผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดที่นำพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ด้วยตัวเอง Whitney Wolfe Herd ไม่ได้แค่สร้างแอปพลิเคชันหาคู่ แต่เธอกำลังสร้างการเคลื่อนไหวทางสังคม Bumble ถูกสร้างขึ้นบน Purpose ที่ชัดเจนคือ “การให้อำนาจผู้หญิง” (Empowering Women) โดยให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาก่อน

  • นวัตกรรมที่ขับเคลื่อน: นวัตกรรมของเธอคือการนำ Purpose มาเป็นแกนหลักของผลิตภัณฑ์และแบรนด์ เธอไม่ได้ขายแค่แพลตฟอร์ม แต่ขาย “ความเชื่อ” และ “คุณค่า” ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ Bumble มีความแตกต่างและสร้าง Community ที่แข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว
  • บทเรียนสำหรับเรา: เรื่องราวของ Whitney คือแรงบันดาลใจชั้นเยี่ยมที่บอกว่า เราสามารถนำ “คุณค่า” ที่เราเชื่อมั่น มาสร้างเป็นความสำเร็จในอาชีพการงานได้ การทำงานที่สอดคล้องกับ Purpose ของตัวเอง จะทำให้เรามีพลังและมีความสุขมากกว่าที่เคย

แล้วเราล่ะ? ถอดบทเรียนจาก CEO สู่ Career Path ของคนทำงาน

ถึงแม้เราอาจจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง CEO แต่เราทุกคนสามารถนำ “วิธีคิด” แบบผู้นำรุ่นใหม่มาปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนเส้นทางอาชีพของเราให้ก้าวหน้าและมีความหมายได้ค่ะ

1. ปลูกฝัง Growth Mindset: มองทุกอย่างเป็นโอกาสเรียนรู้

เริ่มต้นจากการเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อความท้าทายและความผิดพลาด แทนที่จะมองว่าเป็นอุปสรรค ให้มองว่ามันคือ “บทเรียน” ที่จะทำให้เราเก่งขึ้น งานที่ไม่เคยทำ? ลองดูสักตั้ง Feedback ที่ไม่ดี? ขอบคุณและนำมาปรับปรุง โปรเจกต์ที่ล้มเหลว? วิเคราะห์หาสาเหตุแล้วเริ่มต้นใหม่ ทัศนคติแบบ ‘Learn-it-all’ นี้จะทำให้คุณกลายเป็นคนที่องค์กรขาดไม่ได้

2. เป็น “Intrapreneur” ในองค์กรของคุณ

คุณไม่จำเป็นต้องลาออกมาเปิดบริษัทเพื่อเป็นผู้ประกอบการ คุณสามารถเป็น “Intrapreneur” หรือ “ผู้ประกอบการในองค์กร” ได้ ลองมองหาวิธีการใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ทีมหรือแผนกของคุณทำงานได้ดีขึ้น, เร็วขึ้น, หรือประหยัดขึ้น คิดริเริ่มโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับบริษัท กล้าที่จะนำเสนอไอเดีย แม้ว่ามันอาจจะดูแปลกใหม่ในตอนแรกก็ตาม

3. สร้าง Personal Brand ที่ขับเคลื่อนด้วย Purpose

ถามตัวเองว่า “อะไรคือคุณค่าที่เรายึดถือ?” และ “เราอยากสร้างผลกระทบแบบไหนผ่านการทำงานของเรา?” เมื่อคุณเจอ Purpose ของตัวเองแล้ว ให้ใช้มันเป็นแกนในการสร้าง Personal Brand ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับงาน, การสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน, หรือการนำเสนอผลงาน ให้ทุกอย่างสะท้อนถึงตัวตนและสิ่งที่คุณเชื่อ สิ่งนี้จะทำให้คุณโดดเด่นและเป็นที่น่าจดจำ

4. ใช้ Data ในการตัดสินใจ ไม่ว่าคุณจะอยู่ตำแหน่งไหน

ไม่ว่าคุณจะทำงานฝ่ายการตลาด, บุคคล, หรือบัญชี “ข้อมูล” มีอยู่รอบตัวคุณเสมอ ฝึกฝนทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น เรียนรู้การใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อนำข้อมูลมาสนับสนุนการตัดสินใจของคุณ การนำเสนอไอเดียที่มาพร้อมกับตัวเลขและข้อมูลอ้างอิง จะมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากกว่าการพูดลอยๆ เสมอ

5. Networking อย่างมีกลยุทธ์: สร้างสะพาน ไม่ใช่แค่สะสมคอนเนคชั่น

ผู้นำยุคใหม่เก่งเรื่องการสร้างความร่วมมือ การสร้างเครือข่ายไม่ใช่แค่การแลกนามบัตร แต่คือการสร้างความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันอย่างแท้จริง ลองมองหาโอกาสในการทำงานร่วมกับแผนกอื่น, เข้าร่วมงานสัมมนาที่น่าสนใจ, หรือแม้แต่การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานแผนกอื่นตอนพักกลางวัน การสร้างสะพานเชื่อมโยงกับผู้อื่นจะเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ที่คุณคาดไม่ถึง หรือการพาตัวเองไปเจอคนใหม่ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ในวงการธุรกิจ

บทสรุป: ผู้นำไม่ได้จำกัดอยู่แค่คำว่า CEO

โลกธุรกิจยุคใหม่ได้พิสูจน์แล้วว่า ความเป็นผู้นำ ไม่ได้ถูกผูกติดอยู่กับตำแหน่ง, อายุ, หรือเพศอีกต่อไป แต่มันคือชุดของ “ทักษะ” และ “วิธีคิด” ที่ใครๆ ก็สามารถสร้างและพัฒนาได้

Next Gen CEO ทั้งในไทยและต่างประเทศได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า การขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ที่มี Empathy, ความกล้าที่จะทดลอง, การใช้ข้อมูลนำทาง, การสร้างวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง และการยึดมั่นใน Purpose คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน

นี่คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดในการเติบโต ลุกขึ้นมาเป็น Next Gen CEO หรือผู้นำในแบบฉบับของตัวเอง เริ่มจากการนำบทเรียนเหล่านี้มาปรับใช้ทีละเล็กทีละน้อยในทุกๆ วัน เป็นผู้นำในโปรเจกต์ของคุณ เป็นผู้นำในทีมของคุณ และที่สำคัญที่สุด… เป็นผู้นำในเส้นทางชีวิตและอาชีพของคุณเองค่ะ

———————————————————
รวมหลักสูตรปริญญาโท-เอก สำหรับ Next Gen CEO

เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ในวงการธุรกิจ

M.B.A. Master of Business Administration – ปริญญาโท บริหารธุรกิจ

D.B.A. Doctor of Business Administration – ปริญญาเอก บริหารธุรกิจ

(Visited 370 times, 1 visits today)

Related posts

นักวิจัยด้านเทคโนโลยีดิจิทัลกับการเรียนต่อปริญญาเอกเทคโนโลยีสารสนเทศ: โอกาสและความท้าทาย

Wadee

การปรับตัวของนักศึกษาป.เอกต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดงาน: ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเรียนรู้เพิ่มเติม (Studying Further) กับการสร้างโอกาสทางอาชีพ

Wadee

หมดไฟหรือแค่อยากอัปสกิล? 5 สัญญาณเตือนว่าควรเรียนต่อ ป.โท ที่ SPU มหาวิทยาลัยศรีปทุม

Wadee