คณะศิลปศาสตร์

ทำไมควรเรียนภาษาจีน เรียนภาษากับมหาวิทยาลัยศรีปทุม

ทำไมควรเรียนภาษาจีน เรียนภาษากับมหาวิทยาลัยศรีปทุม

เรียนภาษาจีน 2025: เปิดประตูสู่โอกาสที่ใครก็อยากคว้า! อัปสกิลที่คุ้มค่าที่สุดแห่งทศวรรษ

สาวๆ คะ เคยนั่งไถฟีดแล้วเจอซีรีส์จีนจนต้องอดหลับอดนอนไหม? หรือเวลาไปช้อปปิ้งแล้วอยากจะต่อราคากับพ่อค้าคนจีนแต่ทำไม่ได้? หรือบางทีในที่ทำงาน มีเพื่อนร่วมงานที่พูดจีนได้แล้วดูโปรไฟล์ปังกว่าเราไปอีกขั้น? ถ้าคำตอบคือ ‘ใช่’ บทความนี้เขียนมาเพื่อคุณเลยค่ะ! ปี 2025 คือโค้งสุดท้ายที่เราจะกระโดดขึ้นรถไฟขบวนความสำเร็จที่ชื่อว่า “ภาษาจีน” ได้ทันเวลา และนี่คือเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมการลงทุนเวลาให้กับการเรียนภาษาจีนตอนนี้ ถึงเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดและคุ้มค่าที่สุดในชีวิต!

ทำไมต้องเป็นปี 2025? จังหวะนี้แหละ…ดีที่สุด!

ไม่ใช่แค่พูดลอยๆ นะ แต่มันมีเหตุผลที่หนักแน่นจริงๆ ว่าทำไมปี 2025 ถึงเป็น “นาทีทอง” ของการเรียนภาษาจีน

  • เศรษฐกิจโลกกำลังมองไปที่จีน: ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี (ลองนึกถึง TikTok, รถยนต์ไฟฟ้า EV) การค้าออนไลน์ (Taobao, 1688) หรือการลงทุนข้ามชาติ จีนคือผู้เล่นคนสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลย บริษัททั่วโลก รวมถึงในไทย กำลังมองหาคนที่สามารถเป็นสะพานเชื่อมธุรกิจกับจีนได้ และคนๆ นั้นอาจเป็นคุณ!
  • การท่องเที่ยวกลับมาบูมเต็มที่: ประเทศไทยคือจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวจีน การมีสกิลภาษาจีนติดตัว ไม่ใช่แค่ทำให้คุณทำงานในสายบริการ โรงแรม หรือการท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น แต่ยังอาจสร้างอาชีพใหม่ๆ เช่น Personal Shopper หรือ Local Guide ที่รายได้ดีมากๆ
  • Soft Power ที่แรงไม่หยุด: ซีรีส์จีน (C-Dramas), เพลง (C-Pop), แฟชั่น, และเหล่าดาราไอดอล กำลังครองใจคนรุ่นใหม่ทั่วโลก การเข้าใจภาษาคือการเข้าถึงวัฒนธรรมเหล่านี้ได้ลึกซึ้งกว่าใคร ทำให้เราอินและสนุกไปกับมันได้เต็มร้อย!

การเริ่มต้นในปี 2025 คือการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโอกาสระลอกใหญ่ที่จะมาถึงในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ใครเริ่มก่อนก็ได้เปรียบก่อนนะบอกเลย!

ประโยชน์เน้นๆ จัดเต็มทุกด้านของชีวิต!

เอาล่ะ มาเข้าเรื่องผลประโยชน์แบบจับต้องได้กันบ้างดีกว่า ว่าเรียนจีนแล้วชีวิตจะดีขึ้นยังไง บอกเลยว่าครอบคลุมตั้งแต่เรื่องงาน เงิน ยันเรื่องส่วนตัวเลยทีเดียว

หมวดที่ 1: การงานและการเงิน (Career & Money) – เรื่องสำคัญที่ทำให้เราเฉิดฉาย!

สำหรับสาวๆ วัย 22-30 นี่คือช่วงเวลาสร้างเนื้อสร้างตัว การมีสกิลภาษาจีนคือ “ทางด่วน” สู่ความสำเร็จเลยค่ะ

✨ อัปโปรไฟล์ให้เด่น เด้งทะลุทุกใบสมัคร
ลองจินตนาการดูนะคะ เวลานายจ้างเห็นเรซูเม่ 2 ใบที่มีคุณสมบัติเหมือนกันทุกอย่าง แต่ใบหนึ่งมีระบุว่า “สื่อสารภาษาจีนได้ (HSK 4)” คุณว่าเขาจะเลือกใคร? แน่นอน! การรู้ภาษาจีนทำให้โปรไฟล์ของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่งเป็นร้อยเป็นพันคน มันคือเครื่องหมายการันตีว่าคุณเป็นคนกระตือรือร้น ชอบเรียนรู้ และพร้อมสำหรับโลกการทำงานยุคใหม่

✨ เงินเดือนพุ่งทะยาน + ค่าภาษาแบบจุกๆ
หลายบริษัทในปัจจุบันมี “ค่าภาษา” พิเศษให้กับพนักงานที่สามารถสื่อสารภาษาที่สามได้ โดยเฉพาะภาษาจีน ซึ่งอาจจะเพิ่มให้ตั้งแต่ 3,000 – 15,000 บาทต่อเดือน หรือมากกว่านั้น! นี่ยังไม่นับรวมฐานเงินเดือนที่สูงกว่าตำแหน่งทั่วไปอีกนะ เท่ากับว่าคุณทำงานเท่าเดิม แต่ได้เงินเพิ่มขึ้นง่ายๆ เลย

✨ เปิดประตูสู่โลกธุรกิจไร้พรมแดน
อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองไหม? ภาษาจีนคืออาวุธลับ!

  • สายนำเข้า: คุณสามารถดีลกับโรงงานในจีนโดยตรงผ่านเว็บอย่าง Alibaba หรือ 1688 ได้ด้วยตัวเอง ตัดปัญหาพ่อค้าคนกลาง ต่อรองราคาได้ดีกว่าเดิม เห็นสินค้าใหม่ๆ ก่อนใครเพื่อน
  • สายส่งออก: สินค้าไทยอย่างเครื่องสำอาง สกินแคร์ ขนม หรือผลไม้ เป็นที่นิยมในจีนมาก การที่คุณสื่อสารกับลูกค้าหรือตัวแทนชาวจีนได้ จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดด
  • สายบริการ: รับงานเป็นล่ามอิสระ, ผู้ประสานงานธุรกิจ (Liaison), หรือที่ปรึกษาการตลาดจีน แค่มีสกิลภาษาก็สร้างรายได้เสริมได้สบายๆ

✨ ต่อยอดได้หลากหลายอาชีพเกินคาด
นอกจากงานออฟฟิศแล้ว ภาษาจีนยังพาคุณไปสู่อาชีพที่น่าสนุกอีกเพียบ เช่น แอร์โฮสเตส (สายการบินที่บินไปจีนต้องการคนพูดจีนได้มากๆ), มัคคุเทศก์, นักการตลาดออนไลน์ที่ทำตลาดจีน, Content Creator ที่ทำเนื้อหาเกี่ยวกับจีน, หรือแม้กระทั่งครูสอนภาษาจีน! เรียกว่าเรียนหนึ่งอย่าง แต่ต่อยอดได้เป็นสิบ

หมวดที่ 2: ไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยว (Lifestyle & Travel) – เที่ยวสนุกขึ้น 1000%

ทำงานมาเหนื่อยๆ ก็ต้องให้รางวัลชีวิตด้วยการเที่ยวสิ! และถ้าคุณพูดจีนได้ ทริปจีนของคุณจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

🗺️ เที่ยวจีนแบบคน Local ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยว
ลืมภาพการเที่ยวแบบชะโงกทัวร์ไปได้เลย! คุณจะสามารถ:

  • สั่งอาหารเด็ดๆ ในร้านที่ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษได้ (บอกเลยว่าของอร่อยมักซ่อนอยู่ในร้านแบบนี้!)
  • ต่อราคา เวลาซื้อของในตลาดได้อย่างสนุกสนาน ได้ของถูกใจในราคาที่ฟินสุดๆ
  • เดินทางเอง ด้วยรถไฟใต้ดิน รถไฟความเร็วสูง หรือเรียกรถผ่านแอปฯ จีน (เช่น Didi) ได้อย่างคล่องแคล่ว
  • ถามทาง หรือขอความช่วยเหลือจากคนท้องถิ่นได้โดยตรง มันคือประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปไม่มีวันได้สัมผัส

🛍️ ช้อปปิ้งออนไลน์ฉลาดขึ้นสิบเท่า
ใครเป็นสายพรีออเดอร์ หรือชอบส่อง Taobao ต้องกรี๊ด! การอ่านภาษาจีนออกทำให้คุณสามารถอ่านรีวิวสินค้าจากคนจีนจริงๆ, แชทคุยกับร้านค้าเพื่อถามรายละเอียดไซส์ สี หรือขอส่วนลดได้โดยตรง ไม่ต้องเดาสุ่มหรือรอคนอื่นแปลให้ บอกเลยว่าได้ของดี มีคุณภาพ และไม่โดนหลอกแน่นอน

🤝 เพื่อนใหม่ สังคมใหม่
กำแพงภาษาคืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการสร้างมิตรภาพ การพูดภาษาจีนได้จะทำให้คุณมีเพื่อนชาวจีนได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเจอในไทยหรือตอนไปเที่ยวจีน หรือแม้แต่ในคอมมูนิตี้ออนไลน์ การได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนต่างวัฒนธรรมจะทำให้โลกของคุณกว้างขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

หมวดที่ 3: บันเทิงและพัฒนาตัวเอง (Culture & Personal Growth) – สมองไบรท์ แถมอินเทรนด์!

ประโยชน์ของภาษาจีนไม่ได้หยุดแค่เรื่องเงินกับเรื่องเที่ยวนะ แต่มันยังช่วยพัฒนาสมองและทำให้เราอินกับโลกบันเทิงได้มากขึ้นด้วย

📺 ดูซีรีส์จีน / C-Drama แบบไม่ต้องง้อซับ!
ฟินเบอร์ไหนถามใจดู! การได้ฟังเสียงพระเอกนางเอกที่เรารักแบบสดๆ โดยไม่ต้องก้มลงไปอ่านซับไตเติ้ล มันคืออรรถรสขั้นสุดยอด คุณจะเข้าใจมุกตลกเล็กๆ น้อยๆ หรือคำสแลงที่ซับไตเติ้ลอาจแปลตกหล่นไป ได้อินไปกับบทพูดซึ้งๆ แบบเต็มอารมณ์ แถมยังได้ฝึกภาษาไปในตัวอีกต่างหาก!

🧠 ฝึกสมอง ประลองความจำ
ภาษาจีนเป็นภาษาที่ต้องใช้สมองทั้งซีกซ้าย (ตรรกะ) และซีกขวา (รูปภาพ) ในการจดจำตัวอักษรและวรรณยุกต์ มีงานวิจัยบอกว่าการเรียนภาษาจีนช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง เพิ่มความสามารถในการจดจำ (Memory) และทักษะการแก้ปัญหา (Problem-solving) ได้จริง เหมือนได้ออกกำลังกายให้สมองทุกวัน สมองฟิตแอนด์เฟิร์มแน่นอน!

👑 สร้างความมั่นใจในตัวเองแบบสุดๆ
การทำสิ่งที่ท้าทายอย่างการเรียนภาษาจีนจนสำเร็จ จะสร้างความภาคภูมิใจและความมั่นใจในตัวเองได้อย่างมหาศาล คุณจะรู้สึกว่า “ขนาดเรื่องยากๆ แบบนี้ฉันยังทำได้ เรื่องอื่นก็ไม่น่าจะมีอะไรยากเกินไปแล้ว!” ความมั่นใจนี้จะส่งผลดีไปยังทุกด้านของชีวิตคุณเลยค่ะ

Q&A: ตอบทุกข้อสงสัย “แต่…มันยากมากเลยนะ!”

เชื่อว่าหลายคนพออ่านมาถึงตรงนี้ก็เริ่มใจฟู แต่อีกใจก็แอบคิดว่า “ตัวอักษรเป็นพันๆ ตัว เสียงก็ยาก จะไหวเหรอ?” มาค่ะ เราจะทลายกำแพงความกลัวนี้ไปด้วยกัน!

คำถาม: ตัวอักษรจีนเยอะมาก จำยังไงไหว?
คำตอบ: ไม่ต้องจำทั้งหมดในวันเดียว! เราเริ่มจากตัวที่ใช้ง่ายๆ บ่อยๆ ก่อน เหมือนเรียน ก-ฮ นั่นแหละค่ะ จริงๆ แล้วตัวอักษรจีนจำนวนมากเกิดจากการผสม “หน่วยคำ” (Radicals) พื้นฐานเข้าด้วยกัน พอเราเริ่มจำหน่วยคำหลักๆ ได้ เราจะเริ่มเดาความหมายและเสียงอ่านของคำใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้นเยอะ แถมสมัยนี้มีแอปพลิเคชันดีๆ อย่าง Pleco, Anki ที่ช่วยให้การจำคันจิเป็นเรื่องสนุกเหมือนเล่นเกมเลย

คำถาม: เสียงวรรณยุกต์ผันยากมาก พูดผิดนิดเดียวความหมายเปลี่ยนเลย
คำตอบ: จริงค่ะ! แต่นี่คือความท้าทายที่สนุกนะ! ให้คิดซะว่ามันเหมือนการร้องเพลงที่มีโน้ตสูงต่ำ วิธีฝึกที่ดีที่สุดคือ “การฟังและเลียนแบบ” (Listen and Mimic) ฟังเจ้าของภาษาพูดบ่อยๆ ผ่านหนัง เพลง หรือพอดแคสต์ แล้วลองพูดตาม อัดเสียงตัวเองเทียบกับต้นฉบับ แรกๆ อาจจะเพี้ยนบ้าง แต่ทำไปเรื่อยๆ หูและปากของเราจะเริ่มชินและปรับเข้าที่เอง ไม่ต่างจากตอนเราหัดร้องเพลงสากลเลย

คำถาม: ไม่มีเวลาเลย ทำงานกลับมาก็เหนื่อยแล้ว
คำตอบ: เข้าใจที่สุดเลยค่ะ! แต่เราไม่จำเป็นต้องนั่งเรียนวันละ 3 ชั่วโมงรวดนะ ลองใช้เทคนิค “Micro-learning” หรือการเรียนรู้ทีละนิดวันละ 15-20 นาทีก็พอแล้วค่ะ เช่น

  • ตอนนั่งรถไปทำงาน: เปิดแอปฯ Duolingo หรือ HelloChinese ท่องศัพท์ 5-10 คำ
  • ตอนพักกลางวัน: ดูคลิปสั้นๆ สอนภาษาจีนใน TikTok หรือ YouTube
  • ตอนออกกำลังกาย: ฟังพอดแคสต์ภาษาจีนสำหรับผู้เริ่มต้น
  • ก่อนนอน: ทบทวนสิ่งที่เรียนมาของวันนั้นสัก 5 นาที

แค่ทำสม่ำเสมอทุกวัน รับรองว่าเก่งขึ้นแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ

พร้อมแล้ว! เริ่มต้นเรียนภาษาจีนฉบับ 2025 ยังไงดี?

อ่านมาถึงตรงนี้ ไฟลุกโชนแล้วใช่ไหม? มาดูกันว่าเราจะเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ยังไงได้บ้าง

  1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน: คุณเรียนไปเพื่ออะไร? เพื่อใช้ในการทำงาน (อาจจะต้องเน้นสอบ HSK), เพื่อไปเที่ยว (เน้นบทสนทนาในชีวิตประจำวัน), หรือเพื่อดูซีรีส์ (เน้นการฟังและคำศัพท์บันเทิง)? การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้เราเลือกวิธีเรียนและเนื้อหาได้ตรงจุด
  2. เลือกวิธีเรียนที่ “ใช่” สำหรับเรา:
    • สายมีวินัย ชอบเจอเพื่อน: ลงเรียนกับสถาบันสอนภาษา ได้เจอเหล่าซือและเพื่อนร่วมคลาส เป็นการบังคับตัวเองไปในตัว
    • สายยืดหยุ่น จัดเวลาเอง: เรียนออนไลน์ตัวต่อตัวกับเหล่าซือชาวจีนผ่านแพลตฟอร์มอย่าง italki หรือ Preply
    • สายประหยัด ชอบเรียนรู้ด้วยตัวเอง: ใช้แอปพลิเคชัน, YouTube, และหนังสือเรียนเป็นหลัก วิธีนี้ต้องมีวินัยสูงหน่อย แต่ประหยัดงบสุดๆ
    • สายลุย ชอบปฏิบัติ: หาเพื่อนแลกเปลี่ยนภาษา (Language Exchange Partner) ผ่านแอปฯ อย่าง Tandem หรือ HelloTalk ได้ฝึกพูดจริง แถมได้เพื่อนด้วย!
  3. ดื่มด่ำไปกับภาษา (Immersion): พยายามเอาภาษาจีนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันให้มากที่สุด เช่น เปลี่ยนภาษาในมือถือเป็นภาษาจีน, ติดโพสต์อิทคำศัพท์ตามของใช้ในบ้าน, ฟังเพลงจีน, ติดตามโซเชียลมีเดียของดาราจีน… ทำให้มันกลายเป็นเรื่องสนุก ไม่ใช่การบังคับให้ท่องจำ

บทสรุป: ภาษาจีนไม่ใช่แค่ “สกิล” แต่คือ “ตั๋วสู่อนาคต”

การตัดสินใจเรียนภาษาจีนในปี 2025 ไม่ใช่แค่การเพิ่มทักษะในเรซูเม่ แต่คือการลงทุนเพื่อเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยโอกาส ทั้งในเรื่องการงาน การเงิน การเดินทาง และการเติบโตของตัวเอง มันอาจจะดูเป็นเรื่องที่ท้าทายในตอนแรก แต่ผลลัพธ์ที่รออยู่ปลายทางนั้นหอมหวานและคุ้มค่าเหนื่อยอย่างแน่นอน

อย่ารอให้ใครมาแซงหน้าเราไปนะคะสาวๆ มาเริ่มต้นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นนี้กันตั้งแต่วันนี้เลย! 加油 (เจียโหยว – สู้ๆ)!

สนใจภาษาจีน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คณะศิลปศาสาตร์

(Visited 7 times, 1 visits today)

Related posts

ฝึกภาษาญี่ปุ่นจากอนิเมะเรื่องโปรด #สาขาภาษาญี่ปุ่นเพื่อการสื่อสารธุรกิจ

P'Menu SPU

ยุคนี้ภาษาจีนต้องมา! SPU ชวนเปิดโลกอาชีพสุดปังกับหลักสูตรที่เน้นใช้ทำงานได้จริง สาขาภาษาจีนสื่อสารธุรกิจ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

สันสกฤต

เพิ่มสกิลภาษากับ 3 สาขา @คณะศิลปศาสตร์ SPU

P'Menu SPU