ไขข้อข้องใจ! เงินเดือนวิศวกรโยธาหลังเรียนต่อปริญญาโท-ปริญญาเอก คุ้มค่าการลงทุนหรือไม่?
หนึ่งในคำถามยอดฮิตสำหรับชาว วิศวกรโยธา คือ “ควรจะเรียนต่อดีไหม?” การตัดสินใจลงทุนทั้งเวลาและเงินทองเพื่อคว้าปริญญาโทหรือปริญญาเอก จะส่งผลต่อเงินเดือนวิศวกรและเส้นทางอาชีพในอนาคตอย่างไร บทความนี้จะพาไปหาคำตอบแบบเจาะลึก เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
OVERVIEW
1. ทำไมวิศวกรโยธาถึงเลือกเรียนต่อ?
การตัดสินใจเรียนต่อไม่ได้มีแค่เรื่องเงินเดือนเป็นแรงจูงใจ แต่ยังรวมถึงโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพ ดังนี้
- ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง: ได้เรียนรู้ลงลึกในสาขาที่สนใจ เช่น วิศวกรรมโครงสร้าง, ปฐพีกลศาสตร์, การบริหารงานก่อสร้าง หรือวิศวกรรมขนส่ง ซึ่งทำให้คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เป็นที่ต้องการตัว
- โอกาสในตำแหน่งงานที่สูงขึ้น: วุฒิการศึกษาระดับสูงเปิดประตูสู่ตำแหน่งงานระดับผู้จัดการ, ที่ปรึกษาโครงการ (Consultant), นักวิจัย หรืออาจารย์ในมหาวิทยาลัย
- อัปเดตความรู้และเทคโนโลยีใหม่: โลกของวิศวกรรมโยธาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การเรียนต่อทำให้คุณทันต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น BIM (Building Information Modeling) หรือวัสดุก่อสร้างเพื่อความยั่งยืน
2. เปรียบเทียบฐานเงินเดือนวิศวกรโยธา เมื่อวุฒิการศึกษาสูงขึ้น
นี่คือหัวใจสำคัญที่หลายคนอยากรู้ ฐานเงินเดือนของวิศวกรโยธามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนตามวุฒิการศึกษา (ตัวเลขเป็นเพียงการประมาณการเบื้องต้น)
- ปริญญาตรี: ฐานเงินเดือนเริ่มต้นสำหรับเด็กจบใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดองค์กรและประเภทของงาน
- ปริญญาโท: การเรียนต่อในระดับนี้สามารถอัปเงินเดือนเริ่มต้นได้ถึง 30,000 – 45,000+ บาท หรือเพิ่มขึ้นจากฐานเดิม 20%-40% เพราะคุณมีความรู้เฉพาะทางที่พร้อมใช้งานได้ทันที
- ปริญญาเอก: สำหรับวุฒิปริญญาเอก มุ่งเน้นไปที่สายงานวิชาการ, วิจัยและพัฒนา หรือที่ปรึกษาเฉพาะทางระดับสูง ฐานเงินเดือนสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 50,000 บาท ไปจนถึงหลักแสน ขึ้นอยู่กับความสามารถและสถาบัน
3. ปัจจัยอื่นที่ต้องพิจารณา นอกเหนือจากเรื่องเงินเดือน
การลงทุนเพื่อการศึกษาต้องมองให้รอบด้าน ไม่ใช่แค่ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน
- ค่าใช้จ่ายและเวลา: ค่าเทอม, ค่าครองชีพ และ “ค่าเสียโอกาส” จากรายได้ที่หายไประหว่างเรียน คือต้นทุนที่ต้องนำมาคำนวณ
- คอนเนคชั่น: การเรียนในระดับสูงขึ้นทำให้คุณได้สร้างเครือข่ายกับเพื่อนร่วมรุ่นและคณาจารย์ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต
- ใบประกอบวิชาชีพ: ความรู้ที่เพิ่มขึ้นจากการเรียนต่อ ปริญญาโท-เอก ช่วยต่อยอดในการสอบเลื่อนระดับใบ ก.ว. ได้ง่ายขึ้น ตั้งแต่ระดับสามัญวิศวกรไปจนถึงวุฒิวิศวกร สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สภาวิศวกร (Council of Engineers)
4. บทสรุป: การเรียนต่อคุ้มค่าหรือไม่?
คำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในอาชีพของคุณ”
หากเป้าหมายของคุณคือการเติบโตในสายผู้รับเหมา หรือการบริหารหน้างาน ประสบการณ์ทำงานในช่วงแรกอาจมีค่ามากกว่า แต่หากเป้าหมายของคุณคือการเป็น วิศวกรโยธา ผู้ออกแบบที่เชี่ยวชาญ, ที่ปรึกษาโครงการ หรือนักวิชาการ การเรียนต่อ ปริญญาโท หรือ ปริญญาเอก คือการลงทุนที่คุ้มค่าและเป็นเส้นทางที่ถูกต้องในการเพิ่มพูนทั้งความรู้และเงินเดือนในระยะยาว
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เส้นทางสู่การเป็นวิศวกรโยธา: เรียนต่อปริญญาโทวิศวกรรมศาสตร์ M.Eng. เพื่ออนาคตที่มั่นคง เพื่อประกอบการตัดสินใจ
5. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: เรียนต่อปริญญาโท วิศวกรรมโยธา ใช้เวลากี่ปี?
โดยทั่วไป หลักสูตรภาคปกติ (เรียนเต็มเวลา) จะใช้เวลาประมาณ 1.5 – 2 ปี ส่วนหลักสูตรภาคพิเศษ (เรียนนอกเวลาราชการ) อาจใช้เวลา 2 – 3 ปี ขึ้นอยู่กับสถาบันและแผนการเรียน
Q2: จบปริญญาโทแล้วจะหางานยากขึ้นหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องยากขึ้น แต่ประเภทของงานจะเฉพาะทางมากขึ้น อาจไม่ได้มีตำแหน่งเปิดรับกว้างเท่ากับวุฒิปริญญาตรี แต่สำหรับตำแหน่งงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน วุฒิ ป.โท จะทำให้คุณเป็นผู้สมัครที่โดดเด่นและได้เปรียบ
Q3: ควรทำงานเก็บประสบการณ์ก่อน แล้วค่อยเรียนต่อปริญญาโท หรือเรียนต่อเลยดี?
แนะนำให้ทำงานก่อนอย่างน้อย 1-3 ปี เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของงานวิศวกรรมโยธาและค้นพบว่าตนเองสนใจในสาขาเฉพาะทางด้านไหนเป็นพิเศษ ประสบการณ์จริงจะช่วยให้การเรียนต่อมีประสิทธิภาพและนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
