จบ LLM หรือ LLD แล้ว ทำอย่างไรให้สอบข้าราชการติด: แนวทาง เตรียมตัว และข้อควรระวังสำหรับชาวนิติศาสตร์
การคว้าปริญญาโท (LLM) หรือปริญญาเอก (LLD) ด้านนิติศาสตร์ถือเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ แต่เส้นทางสู่การเป็นข้าราชการยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย บทความนี้จะชี้แนวทางให้คุณเปลี่ยนดีกรีขั้นสูงให้เป็นแต้มต่อสำคัญในสนามสอบข้าราชการ
OVERVIEW
วุฒิ LLM/LLD: แต้มต่อหรือดาบสองคมในสนามสอบ
การที่คุณเพิ่งเรียนจบปริญญาโทหรือปริญญาเอกมานั้น มีทั้งข้อดีและข้อที่ต้องระวังในการสอบข้าราชการ
- ข้อดี: คุณมีความรู้เชิงลึกในสาขาเฉพาะทาง มีทักษะการวิเคราะห์ที่เฉียบคม และมีมุมมองที่กว้างกว่า ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการสอบสัมภาษณ์และการทำข้อสอบอัตนัยที่ต้องการการวิเคราะห์ขั้นสูง
- ข้อควรระวัง: ความรู้ที่ลึกเกินไปอาจทำให้คุณมองข้ามหลักกฎหมายพื้นฐานที่มักออกสอบ นอกจากนี้ การห่างหายจากการทบทวนความรู้ระดับปริญญาตรีไปนานอาจทำให้ลืมเนื้อหาสำคัญได้ การแข่งขันในสนามสอบข้าราชการยังคงวัดกันที่ความแม่นยำในหลักการพื้นฐานเป็นสำคัญ
วางกลยุทธ์สู่เส้นชัย: เตรียมตัวอย่างไรเมื่อมีดีกรีขั้นสูง
ความสำเร็จไม่ได้มาจากดีกรีเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการวางแผนที่ดีเยี่ยม นี่คือกลยุทธ์ที่คุณต้องนำไปปรับใช้
แนวทางการเตรียมตัว สอบข้าราชการ สำหรับบัณฑิต นิติศาสตร์ ระดับสูง
- ปัดฝุ่นความรู้พื้นฐาน (Back to Basics):
กลับไปทบทวนกฎหมายหลักที่ออกสอบบ่อยๆ เช่น กฎหมายมหาชน (รัฐธรรมนูญ, ปกครอง), กฎหมายอาญา, กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องง่าย เพราะนี่คือหัวใจของการสอบ
- วิเคราะห์ขอบเขตข้อสอบอย่างละเอียด:
ศึกษาประกาศรับสมัครของตำแหน่งที่สนใจให้ชัดเจน ว่าต้องการความรู้ด้านใดเป็นพิเศษ วุฒิ LL.M. หรือ LL.D. ของคุณอาจตรงกับตำแหน่งเฉพาะทางซึ่งมีคู่แข่งน้อยกว่า ตรวจสอบประกาศสอบและขอบเขตเนื้อหาได้โดยตรงจากเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.พ.
- เชื่อมโยงความรู้ขั้นสูงกับข้อสอบ:
ใช้ทักษะการวิเคราะห์จากปริญญาโทหรือปริญญาเอกมาประยุกต์ใช้ในการตอบข้อสอบอัตนัย พยายามแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ลึกซึ้งและแตกต่าง แต่ยังคงตั้งอยู่บนหลักกฎหมายพื้นฐานที่ถูกต้อง
- ฝึกทำข้อสอบเก่าอย่างสม่ำเสมอ:
การทำข้อสอบเก่าจะช่วยให้คุณจับทางแนวข้อสอบและบริหารเวลาได้ดีขึ้น โดยเฉพาะข้อสอบปรนัยที่วัดความเร็วและความแม่นยำ
ข้อควรระวัง! กับดักที่บัณฑิต LL.M./LL.D. มักมองข้าม
- ความมั่นใจเกินเหตุ (Overconfidence): อย่าประมาทว่าดีกรีสูงกว่าแล้วจะทำข้อสอบได้แน่นอน ทุกคนในสนามสอบคือคู่แข่งที่เตรียมตัวมาอย่างดี
- ละเลยข้อสอบภาค ก.: บัณฑิตนิติศาสตร์มักทุ่มเทให้กับภาค ข. (ความรู้เฉพาะตำแหน่ง) จนลืมให้ความสำคัญกับภาค ก. (ความรู้ความสามารถทั่วไป) ซึ่งเป็นด่านแรกที่ต้องผ่าน อย่าลืมว่า การสอบภาค ก ก็สำคัญไม่แพ้กัน หากไม่ผ่าน ก็ไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถในภาคต่อไป
- เจาะลึกเฉพาะทางเกินไป: แม้คุณจะเชี่ยวชาญกฎหมายภาษีอากรหรือทรัพย์สินทางปัญญา แต่ข้อสอบอาจถามหลักการทั่วไปของกฎหมายแพ่ง อย่าให้ความรู้เฉพาะทางบดบังความรู้พื้นฐานที่จำเป็น
ถาม-ตอบ (FAQ): เคลียร์ทุกข้อสงสัย
Q: วุฒิ LL.M./LL.D. จากต่างประเทศ ช่วยให้ได้เปรียบในการสอบข้าราชการหรือไม่?
A: ช่วยในแง่ของทักษะภาษา, วิธีคิดที่เป็นระบบ และมุมมองเชิงเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นประโยชน์มากในตำแหน่งที่ต้องติดต่อกับต่างประเทศหรือหน่วยงานด้านนโยบาย แต่สุดท้ายแล้วแก่นของข้อสอบยังคงเป็นกฎหมายไทย คุณจึงต้องกลับมาทบทวนกฎหมายไทยให้แม่นยำอยู่ดี
Q: ควรเจาะจงตำแหน่งที่ใช้ความรู้เฉพาะทาง หรือควรสอบในภาพรวม?
A: ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในอาชีพของคุณ การสอบในตำแหน่งเฉพาะทาง (เช่น นักกฎหมายกฤษฎีกา, พนักงานคดีปกครอง) อาจมีคู่แข่งน้อยกว่า แต่เปิดรับไม่บ่อย ส่วนตำแหน่งทั่วไป (เช่น นิติกร) เปิดรับมากกว่าแต่การแข่งขันก็สูงกว่าเช่นกัน ลองพิจารณาจากความเชี่ยวชาญและความสนใจเป็นหลัก
Q: ต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานแค่ไหนหลังเรียนจบปริญญาโท?
A: ไม่มีคำตอบตายตัว แต่โดยทั่วไปแล้ว การให้เวลาตัวเองอย่างน้อย 4-6 เดือนเพื่อทบทวนความรู้พื้นฐานทั้งหมดและฝึกทำข้อสอบอย่างจริงจัง ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีพื้นฐานด้านนิติศาสตร์มาอย่างดีแล้วจากการเรียน LL.M. หรือ LL.D.
สุดท้ายนี้ การเรียนจบในระดับสูงคือต้นทุนที่ดีเยี่ยม แต่ความสำเร็จในการสอบข้าราชการนั้นอยู่ที่การวางกลยุทธ์ที่เฉียบคม ความขยันหมั่นเพียร และการไม่ประมาท จงใช้ความรู้ที่คุณมีเป็นอาวุธ และใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นเกราะป้องกัน แล้วความสำเร็จจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
————————————————————
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรปริญญาโท-เอกสำหรับข้าราชการสายกฎหมายยุคใหม่
