How to ทำงานและพักผ่อนแบบ Workation ยังไงให้เวิร์ก
Workation กลายเป็นเทรนด์การทำงานยุคใหม่ที่หลายคนใฝ่ฝัน คือการผสมผสานการทำงาน (Work) และการพักผ่อน (Vacation) เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานจากออฟฟิศหรือที่บ้าน ไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แต่จะทำอย่างไรให้การ Workation ไม่กลายเป็นแค่การย้ายที่ทำงานที่เหนื่อยกว่าเดิม หรือกลายเป็นการพักผ่อนที่ไม่เต็มที่เพราะกังวลเรื่องงาน บทความนี้มีคำตอบและเคล็ดลับ How to ทำให้ Workation ของคุณเวิร์กและมีประสิทธิภาพสูงสุด
OVERVIEW
1. วางแผนให้พร้อม: กุญแจสู่ Workation ที่สมบูรณ์แบบ
การเตรียมตัวที่ดีคือจุดเริ่มต้นของ Workation ที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ทำให้คุณสามารถโฟกัสกับการทำงานและพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
- เลือกจุดหมายและที่พักที่เหมาะสม: ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยเฉพาะ สัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเสถียร รวมถึงมีมุมที่เงียบสงบเหมาะกับการทำงาน
- จัดตารางงานและตารางเที่ยว: กำหนด Deadlines และเป้าหมายของงานที่ต้องทำให้เสร็จในแต่ละวันให้ชัดเจน และแบ่งเวลาสำหรับการพักผ่อนหรือท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดสมดุลและไม่รู้สึกกดดัน
- สื่อสารกับทีมและหัวหน้า: แจ้งแผนการ Workation ให้ทีมและหัวหน้าทราบล่วงหน้า กำหนดช่องทางการติดต่อและเวลาที่สามารถติดต่อได้สะดวก เพื่อให้การทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นไปอย่างราบรื่น
- เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม: นอกจากแล็ปท็อปและที่ชาร์จแล้ว อย่าลืมอุปกรณ์เสริม เช่น ปลั๊กพ่วง, หูฟังตัดเสียงรบกวน, เมาส์ไร้สาย หรือแม้แต่เก้าอี้พกพาเพื่อสุขภาพการนั่งทำงานที่ดี
2. How to ทำงานและพักผ่อนให้สมดุลระหว่างทริป
เมื่อถึงเวลาจริง การบริหารจัดการเวลาและพลังงานคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้คุณทั้งสนุกและได้งาน
- กำหนดเวลาทำงานที่ชัดเจน (Set Boundaries): รักษาตารางเวลาทำงานเหมือนอยู่ที่ออฟฟิศ เช่น เริ่มงาน 9 โมงเช้า พักเที่ยง และเลิกงาน 6 โมงเย็น เพื่อป้องกันไม่ให้การทำงานล่วงเลยไปในเวลาพักผ่อน
- สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงาน: จัดมุมทำงานให้เป็นสัดส่วน ปราศจากสิ่งรบกวน จะช่วยให้คุณมีสมาธิและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ออกไปพักผ่อนอย่างแท้จริง: เมื่อถึงเวลาพักผ่อน ควรวางมือจากงานแล้วออกไปสำรวจสถานที่ใหม่ๆ ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ เพื่อชาร์จพลังและสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ การพักผ่อนที่มีคุณภาพจะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานในวันถัดไป
- ใช้เครื่องมือช่วยบริหารจัดการ: การใช้แอปพลิเคชันหรือเทคนิคการบริหารเวลา เช่น เทคนิค Pomodoro สามารถช่วยให้คุณโฟกัสกับงานได้ดีขึ้น
และสำหรับคนที่ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ: Work-Life-Study Balance กับการศึกษาต่อปริญญาโท: ท้าทายและโอกาสของคนวัยทำงานยุคใหม่
3. สิ่งที่ควรทำหลังกลับจาก Workation
หลังจากกลับมาแล้ว ควรมีการสรุปและแชร์ประสบการณ์เพื่อต่อยอดและพัฒนาการทำ Workation ในครั้งต่อไป
- สรุปผลงานและ Feedback: รายงานความคืบหน้าของงานที่ทำสำเร็จในช่วง Workation และขอความคิดเห็นจากทีม เพื่อแสดงความรับผิดชอบและสร้างความน่าเชื่อถือ
- แชร์ประสบการณ์: แบ่งปันเรื่องราวและแรงบันดาลใจที่ได้รับจากการไป Workation ให้กับเพื่อนร่วมงาน อาจเป็นไอเดียใหม่ๆ ที่ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ในทีม
4. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: Workation ต่างจาก Remote Work อย่างไร?
A: Remote Work คือรูปแบบการทำงานที่สามารถทำจากที่ไหนก็ได้เป็นปกติอยู่แล้ว ส่วน Workation คือการ “ตั้งใจ” เดินทางไปพักผ่อน ณ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นพิเศษ โดยนำงานไปทำด้วยในช่วงเวลาที่กำหนด มีจุดประสงค์เพื่อการพักผ่อนและเปลี่ยนบรรยากาศเป็นหลัก
Q2: ควรเลือกที่พักสำหรับ Workation แบบไหนดีที่สุด?
A: ควรเลือกที่พักที่มี 3 องค์ประกอบหลักคือ 1) อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเสถียร 2) มีพื้นที่หรือมุมสำหรับนั่งทำงานที่สะดวกสบายและเป็นส่วนตัว และ 3) อยู่ในทำเลที่เดินทางไปท่องเที่ยวหรือหาร้านอาหารได้ง่าย เพื่อความสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน
Q3: การทำงานไปด้วย พักผ่อนไปด้วย มีประโยชน์อย่างไรต่อองค์กร?
A: ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร (Employee Engagement) ลดภาวะหมดไฟ (Burnout) และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งอาจนำไปสู่ไอเดียและนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับองค์กรได้ ดังที่ Forbes กล่าวไว้ว่า การทำงานที่ยืดหยุ่นช่วยเพิ่มทั้ง Productivity และความสุขในการทำงาน