คณะบริหารธุรกิจ

5 กลยุทธ์เด็ด พิชิตเศรษฐกิจโลก ฉบับ DEK ธุรกิจระหว่างประเทศ

กลยุทธ์การรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกสำหรับผู้เรียนธุรกิจระหว่างประเทศ

รับมือยังไงดี? 5 กลยุทธ์เด็ด พิชิตความผันผวนเศรษฐกิจโลก ฉบับ DEK ธุรกิจระหว่างประเทศ

เฮ้! สาวๆ ชาว IB (International Business) อนาคตไกลทุกคน! กำลังมันส์กับการเรียน แต่ก็แอบหวั่นๆ กับข่าวเศรษฐกิจโลกทุกวันนี้ใช่มั้ยล่ะ? เดี๋ยวก็เงินเฟ้อพุ่ง, ซัพพลายเชนป่วน, สงครามการค้า, ไหนจะเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามา Disrupt แบบไม่ทันตั้งตัว บอกเลยว่านี่แหละคือ “ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก” (Global Economic Volatility) ของจริง! ที่เราไม่ได้เจอแค่ในตำราเรียนอีกต่อไป

แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งท้อใจไปนะ การที่เราเรียนอยู่ในยุคที่โลกหมุนเร็วและเหวี่ยงแรงขนาดนี้ ถือเป็นโอกาสทองที่เราจะได้ลับคมทักษะให้เฉียบกว่าใคร! ในฐานะว่าที่นักธุรกิจระหว่างประเทศมือโปร เราจะเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นความท็อปฟอร์มได้ยังไง? มาดู 5 กลยุทธ์เด็ดที่จะทำให้เราไม่แค่ “รอด” แต่จะ “รุ่ง” ในสมรภูมินี้กัน!


กลยุทธ์ที่ 1: ติดอาวุธความรู้ให้รอบด้าน (Beyond the Textbook Knowledge)

โอเค…เรารู้ว่าเนื้อหาในห้องเรียนมันแน่นเอี๊ยดอยู่แล้ว แต่ในโลกที่ข้อมูลวิ่งเร็วกว่าจรวด ความรู้จากตำราอย่างเดียวอาจไม่พอ! เราต้องอัปเดตตัวเองให้เป็นเหมือนสถานีข่าวกรองธุรกิจเคลื่อนที่ ที่รู้ลึก รู้จริง และรู้ทันเกม

แล้วจะไปหาความรู้จากไหนล่ะ?

  • ติดตามสื่อธุรกิจระดับโลก: ไม่ต้องถึงกับสมัครทุกเจ้า แต่ลองเลือกที่ชอบสัก 2-3 แหล่ง เช่น The Economist, Bloomberg, Financial Times, Reuters หรือ Wall Street Journal พวกนี้จะให้ภาพรวมเศรษฐกิจมหภาค (Macroeconomics) และการวิเคราะห์ที่เฉียบคม ช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมค่าเงินบาทถึงผันผวน หรือทำไมบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ถึงย้ายฐานการผลิต
  • เจาะลึกสื่อท้องถิ่นและภูมิภาค: อย่าลืมบ้านเรา! สื่ออย่าง Brand Buffet, The Standard Wealth, หรือ Prachachat Turakij จะช่วยให้เราเชื่อมโยงเทรนด์โลกเข้ากับบริบทของประเทศไทยและอาเซียน (AEC) ได้ดีขึ้น เช่น นโยบายรถ EV ของไทยจะดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้แค่ไหน? หรือ ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูเก็ตอย่างไร?
  • ฟัง Podcast และดู YouTube ช่องธุรกิจ: เปลี่ยนเวลาว่างให้เป็นการเรียนรู้แบบเพลินๆ มีช่องดีๆ มากมายที่ย่อยเรื่องยากให้เข้าใจง่าย เช่น Mission To The Moon, The Secret Sauce หรือช่องของนักวิเคราะห์การเงินต่างประเทศ ลองหาช่องที่ถูกจริต แล้วคุณจะรู้ว่าโลกธุรกิจมันสนุกกว่าที่คิด!
  • ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล: ลองหัดใช้เครื่องมือพื้นฐานอย่าง Google Trends เพื่อดูว่าคนทั่วโลกกำลังสนใจอะไร หรือเข้าไปดูรายงานของ World Bank, IMF เพื่อทำความเข้าใจข้อมูลเชิงลึก สิ่งเหล่านี้จะเป็นอาวุธสำคัญเวลาเราต้องทำ Presentation หรือวิเคราะห์ Case Study ส่งอาจารย์

Key Takeaway: การมีความรู้ที่อัปเดตและรอบด้าน จะทำให้เรามองเห็น “โอกาส” ในขณะที่คนอื่นเห็นแค่ “ปัญหา” ซึ่งนี่คือคุณสมบัติข้อแรกของคนที่จะประสบความสำเร็จในแวดวงธุรกิจระหว่างประเทศ


กลยุทธ์ที่ 2: อัพสกิลให้เป็น “Swiss Army Knife”

ใบปริญญาเป็นเหมือนใบเบิกทาง แต่ทักษะคือสิ่งที่ทำให้เราไปต่อได้ในระยะยาว ในยุคเศรษฐกิจผันผวน บริษัทต่างๆ ไม่ได้มองหาแค่คนที่ทำได้อย่างเดียว แต่กำลังมองหาคนที่เป็นเหมือน “มีดพับสวิส” (Swiss Army Knife) คือทำได้หลากหลาย ปรับตัวเก่ง และพร้อมแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

Hard Skills ที่ต้องมีติดตัว:

  • Data Analytics: ไม่ต้องถึงขั้นเป็น Data Scientist แต่ต้องอ่านข้อมูลเป็น! สามารถใช้ Excel หรือ Power BI เบื้องต้นเพื่อวิเคราะห์ยอดขาย, แนวโน้มตลาด หรือพฤติกรรมลูกค้าได้ ทักษะนี้จะทำให้ข้อเสนอของเรามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือขึ้นเยอะ
  • Digital Marketing & E-commerce: โลกทั้งใบย้ายมาอยู่บนออนไลน์แล้ว การเข้าใจหลักการ SEO, SEM, Social Media Marketing หรือการจัดการแพลตฟอร์ม E-commerce อย่าง Shopify, Lazada, Shopee เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายไปต่างประเทศ
  • Supply Chain & Logistics Management: วิกฤตที่ผ่านมาสอนให้เรารู้ว่าซัพพลายเชนสำคัญแค่ไหน การเข้าใจกระบวนการนำเข้า-ส่งออก, การจัดการคลังสินค้า, และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง จะทำให้เราเป็นที่ต้องการของบริษัทข้ามชาติอย่างมาก
  • ภาษาที่สาม (และสี่…ถ้าไหว!): นอกจากภาษาอังกฤษที่ต้องเป๊ะแล้ว การได้ภาษาจีน, ญี่ปุ่น, เยอรมัน หรือภาษาสเปน จะเปิดประตูโอกาสให้เราอีกมหาศาล โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ที่กำลังเติบโต

Soft Skills ที่ขาดไม่ได้:

  • Adaptability & Resilience (ความยืดหยุ่นและล้มแล้วลุกไว): เมื่อแผน A ไม่เวิร์ค เราต้องพร้อมสลับไปแผน B, C, D ได้ทันทีโดยไม่เสียขวัญ นี่คือทักษะการรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกที่สำคัญที่สุด
  • Cross-Cultural Communication (การสื่อสารข้ามวัฒนธรรม): ไม่ใช่แค่พูดภาษาเขาได้ แต่ต้องเข้าใจ “นัย” ทางวัฒนธรรมด้วย การเจรจาธุรกิจกับคนญี่ปุ่นย่อมไม่เหมือนกับคนอเมริกัน ความเข้าใจตรงนี้จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและลดความขัดแย้ง
  • Critical Thinking & Problem-Solving (การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา): ฝึกตั้งคำถามว่า “ทำไม?” อยู่เสมอ ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ และเมื่อเจอปัญหา สามารถวิเคราะห์หาสาเหตุและเสนอทางออกที่เป็นไปได้ ไม่ใช่แค่รอรับคำสั่ง

Key Takeaway: สร้างตัวเองให้เป็น “T-Shaped Professional” คือรู้ลึกในสาขาหลัก (ธุรกิจระหว่างประเทศ) และรู้กว้างในศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เราเป็นคนที่องค์กรไหนๆ ก็อยากได้ตัว


กลยุทธ์ที่ 3: คิดแบบ “Glocal” มองเกมโลก

คำว่า “Glocal” (Global + Local) คือหัวใจสำคัญของนักศึกษา IB ในยุคนี้เลย! เราต้องสามารถเชื่อมโยงปรากฏการณ์ระดับโลก (Global) เข้ากับสถานการณ์ในประเทศหรือภูมิภาคของเรา (Local) ได้อย่างเฉียบคม

ฝึกคิดแบบ Glocal ได้ยังไง?

  1. ตั้งคำถามเชื่อมโยง: เวลาอ่านข่าวโลก ลองถามตัวเองเสมอว่า “แล้วเรื่องนี้กระทบกับประเทศไทยยังไง?”
    • ตัวอย่าง: สงครามในยุโรปตะวันออกทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้น (Global) -> ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งในไทยแพงขึ้น -> ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น (Local) -> แล้วบริษัทที่เราสนใจจะปรับกลยุทธ์ราคาสินค้าอย่างไร?
  2. ศึกษา Case Study ในไทยและอาเซียน: มองหาตัวอย่างบริษัทไทยที่ประสบความสำเร็จในตลาดโลก (เช่นกระทิงแดง, CPF) หรือบริษัทต่างชาติที่เข้ามาปรับตัวในตลาดไทย (เช่น IKEA, Uniqlo) วิเคราะห์ว่าเขามีกลยุทธ์อะไร ทำไมถึงสำเร็จหรือล้มเหลว? การเข้าใจบริบทท้องถิ่นคือแต้มต่อที่สำคัญ
  3. หาโอกาสจากเทรนด์โลก: เมื่อโลกกำลังมุ่งไปสู่เรื่องความยั่งยืน (Sustainability) และ ESG (Environmental, Social, and Governance) เราในฐานะคนไทยจะสร้างโอกาสจากตรงนี้ได้อย่างไร? อาจจะเป็นธุรกิจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์, สินค้าเกษตรออร์แกนิกส่งออก หรือการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสทางธุรกิจที่เกิดจากเทรนด์ระดับโลกทั้งสิ้น

Key Takeaway: การมองแบบ Glocal ทำให้เราไม่ใช่แค่ “ผู้รับผลกระทบ” จากความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก แต่เป็น “ผู้เล่น” ที่สามารถมองหาช่องว่างและสร้างความได้เปรียบจากสถานการณ์นั้นๆ ได้


กลยุทธ์ที่ 4: สร้างเครือข่ายให้เป็น “Net Worth”

ในโลกธุรกิจ “คนที่คุณรู้จัก” สำคัญพอๆ กับ “สิ่งที่คุณรู้” การสร้าง Connection ที่ดีตั้งแต่สมัยเรียน คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิต โดยเฉพาะในวันที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน เครือข่ายที่ดีอาจเป็นเส้นฟางที่ช่วยชีวิต หรือเป็นสะพานที่นำไปสู่โอกาสใหม่ๆ ได้เลย

สร้าง Connection คุณภาพยังไงดี?

  • เริ่มจากในมหาวิทยาลัย: เพื่อนๆ ต่างคณะ, รุ่นพี่, รุ่นน้อง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “อาจารย์” คือเครือข่ายแรกที่ใกล้ตัวที่สุด! อาจารย์หลายท่านมี Connection ในวงการธุรกิจอย่างกว้างขวาง การเข้าไปพูดคุยปรึกษาอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้เราได้รับโอกาสดีๆ อย่างการฝึกงานหรือคำแนะนำที่หาจากที่ไหนไม่ได้
  • เข้าร่วมงานสัมมนาและ Workshop: ไม่ว่าจะเป็นงานออนไลน์หรือออฟไลน์ พยายามพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีคนเก่งๆ เข้าร่วมงานของหอการค้า, สมาคมธุรกิจต่างๆ หรืออีเวนต์ที่จัดโดยบริษัทชั้นนำ อย่าแค่นั่งฟัง แต่ให้ลองลุกขึ้นถามคำถาม หรือเข้าไปพูดคุยกับ Speaker และผู้ร่วมงานคนอื่นๆ
  • ใช้ LinkedIn ให้เป็นประโยชน์: LinkedIn ไม่ใช่แค่ที่เอาไว้โพสต์ Resume! มันคือเครื่องมือสร้าง Professional Network ที่ทรงพลังที่สุดในยุคนี้ ลอง Connect กับรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว, ผู้บริหารในบริษัทที่เราชื่นชอบ หรือคนที่ทำงานในสายงานที่เราสนใจ แล้วเขียนข้อความแนะนำตัวสั้นๆ อย่างสุภาพ การมีปฏิสัมพันธ์ (Like, Comment, Share) กับโพสต์ของพวกเขาก็เป็นวิธีสร้างตัวตนที่ดีเช่นกัน
  • ไปฝึกงาน (Internship): นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการสร้าง Connection และพิสูจน์ตัวเองไปพร้อมๆ กัน ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่ๆ ในทีมและแผนกอื่นๆ เพราะคนเหล่านี้คือคอนเนคชั่นในอนาคตและเป็นคนที่สามารถเขียน Recommendation Letter ให้เราได้

Key Takeaway: เป้าหมายของการสร้างเครือข่ายไม่ใช่การสะสมนามบัตร แต่คือการสร้าง “ความสัมพันธ์ที่แท้จริง” (Genuine Relationship) ที่พร้อมจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันในระยะยาว


กลยุทธ์ที่ 5: ปรับ Mindset สู่ “Agile & Growth”

กลยุทธ์ทั้งหมดที่พูดมาจะไร้ความหมาย ถ้าเราไม่มี Mindset ที่ถูกต้อง ในโลกที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน ความรู้ที่เราเรียนวันนี้ อีก 5 ปีข้างหน้าอาจจะล้าสมัยไปแล้วก็ได้! สิ่งที่จะทำให้เราอยู่รอดและเติบโตได้คือ “Agile & Growth Mindset”

  • Agile Mindset: คือความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนแผนได้อย่างรวดเร็ว ไม่ยึดติดกับวิธีการเดิมๆ เหมือนบริษัท Startup ที่พร้อมจะ “Pivot” หรือเปลี่ยนทิศทางธุรกิจได้ตลอดเวลาเพื่อตอบสนองต่อตลาด เราเองก็ต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือเปลี่ยนสายงานได้ถ้าจำเป็น
  • Growth Mindset: คือความเชื่อว่าเราสามารถพัฒนาตัวเองได้เสมอ มองความผิดพลาดเป็น “บทเรียน” ไม่ใช่ “ความล้มเหลว” และมองคำวิจารณ์เป็น “ของขวัญ” ที่ช่วยให้เราเก่งขึ้น คนที่มี Growth Mindset จะสนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และไม่กลัวที่จะออกจาก Comfort Zone

แล้ววิกฤต = โอกาส จริงเหรอ?

จริง! ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ มันจะมาพร้อมกับการเกิดใหม่ของธุรกิจและนวัตกรรมเสมอ ลองดูสิ:

  • Digital Transformation: วิกฤตโควิด-19 เร่งให้ทุกธุรกิจต้องปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลเร็วขึ้น 10 ปี! นี่คือโอกาสมหาศาลสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
  • Sustainability & Green Business: ปัญหาสิ่งแวดล้อมและความกังวลของผู้บริโภค ทำให้ธุรกิจที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืนกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง
  • Remote Work & Gig Economy: โลกการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น เปิดโอกาสให้เราสามารถทำงานกับบริษัทที่อยู่คนละซีกโลก หรือรับงานฟรีแลนซ์เพื่อสร้างรายได้และประสบการณ์เสริมได้

Key Takeaway: อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน และนั่นคือเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุด! จงมองความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกไม่ใช่ในฐานะภัยคุกคาม แต่เป็นสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสให้เราได้เรียนรู้และเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


สรุปส่งท้าย: สำหรับพวกเราชาวนักศึกษาธุรกิจระหว่างประเทศ ความผันผวนคือเพื่อนซี้คนใหม่ที่เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ การติดอาวุธความรู้, อัปสกิลให้รอบด้าน, คิดแบบ Glocal, สร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง และมี Mindset ที่พร้อมเติบโต จะเป็นเกราะป้องกันชั้นเยี่ยมและเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนให้เราพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะเหวี่ยงแค่ไหน…เราก็พร้อม! ลุยเลย!

(Visited 1 times, 1 visits today)

Related posts

อาชีพและโอกาสการทำงานเมื่อเลือกเรียนสาขาการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ ที่ SPU

Lady P

ตามรอยซีรีส์ กับคณะบริหารธุรกิจ SPU รู้จักกับ Start-Up โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่!

P'Menu SPU

หลักสูตรสุด Hot! ที่ SPU เรียน 4 ปี รับ 2 ปริญญา ทั้งในและต่างประเทศ

สันสกฤต