ป.โทเอก Business ContentHub Content

เตรียมตัว Upskill: 5 สายงานมาแรงและโอกาสในอนาคต

Upskill

เตรียมตัว Upskill: 5 สายงานมาแรงและโอกาสในอนาคต

การ “เปลี่ยนอาชีพ” ไม่ใช่การยอมแพ้หรือการหนีปัญหา แต่มันคือการตัดสินใจอย่างกล้าหาญที่จะเลือกเส้นทางที่ใช่กว่าเดิม เป็นการลงทุนกับอนาคตของตัวเองที่ทรงพลังที่สุด นี่คือช่วงเวลาที่จะปลดล็อกศักยภาพ Upskill ของตัวเองสู่โลกใบใหม่ที่กว้างกว่าเดิม

เปิดแผนที่สู่โลกอาชีพใหม่: 5 สายงานดาวรุ่งพุ่งแรง ที่เราไปต่อได้สบาย

โลกของการทำงานยุคใหม่เปิดกว้างและต้องการทักษะหลากหลายมากกว่าที่เคยเป็น และนี่คือ 5 สายงานที่เป็น Mega Trend ที่ไม่เพียงแต่มาแรงในไทย แต่ยังเป็นที่ต้องการทั่วโลก

1. โลกดิจิทัลและเทคโนโลยี (Digital & Technology)

ไม่ต้องจบวิศวะคอมฯ ก็เข้าวงการนี้ได้! สายเทคฯ ไม่ได้มีแค่การเขียนโค้ด แต่ยังเต็มไปด้วยบทบาทที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสาร และความเข้าใจมนุษย์

ทำไมถึงน่าสนใจ?

  • ค่าตอบแทนสูง: เป็นสายงานที่ให้ผลตอบแทนสูงเป็นอันดับต้นๆ
  • ความยืดหยุ่น: หลายบริษัทมีนโยบาย Work from Anywhere หรือ Hybrid Working เอื้อต่อการจัดสมดุลชีวิต
  • เติบโตไม่สิ้นสุด: เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

ตำแหน่งงานดาวเด่นที่ไม่ต้องเขียนโค้ดหนักๆ:

  • นักการตลาดดิจิทัล (Digital Marketer): วางแผนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ผ่าน SEO, SEM, Social Media, Content Marketing เพื่อสร้างแบรนด์และยอดขาย ทักษะการสื่อสารและความคิดสร้างสรรค์คือหัวใจหลัก
  • นักออกแบบ UX/UI (User Experience/User Interface Designer): ผู้อยู่เบื้องหลังแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและสวยงาม ต้องใช้ความเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้ (Empathy) และความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ
  • ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager): เหมือนเป็น CEO ย่อมๆ ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ทำหน้าที่ประสานงานระหว่างทีมธุรกิจ, ทีมพัฒนา, และทีมออกแบบ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ตลาดและผู้ใช้งานมากที่สุด
  • นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst): เปลี่ยนข้อมูลตัวเลขที่ซับซ้อนให้กลายเป็น Insight ที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจ เหมาะกับคนช่างสังเกตและชอบแก้ปัญหา

เริ่มต้นอย่างไร?

ลงเรียนคอร์สออนไลน์ Upskill เฉพาะทาง หรือเข้า Boot Camp ที่เน้นสอนปฏิบัติจริง ลองทำโปรเจกต์เล็กๆ สร้าง Portfolio ของตัวเอง แล้วเริ่มจากการรับงานฟรีแลนซ์เพื่อสร้างประสบการณ์ก็ได้ค่ะ

2. สายงานสีเขียวและความยั่งยืน (Green Jobs & Sustainability)

เทรนด์ของโลกกำลังมุ่งสู่ความยั่งยืน ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่รวมถึงสังคมและบรรษัทภิบาล (ESG: Environmental, Social, and Governance) องค์กรใหญ่ๆ ทั่วโลกต่างต้องการคนที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ทำไมถึงน่าสนใจ?

  • งานที่มีความหมาย: ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกและสังคม
  • ความต้องการสูง: บุคลากรด้านนี้ยังขาดแคลนในตลาด แต่ทุกบริษัทใหญ่กำลังมองหา
  • ต่อยอดได้หลากหลาย: สามารถนำความรู้เดิมจากสายงานบัญชี, การตลาด, HR, หรือวิศวกรรม มาต่อยอดในมุมของความยั่งยืนได้

ตำแหน่งงานที่น่าจับตา:

  • ผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG/Sustainability Officer: วางกลยุทธ์และจัดทำรายงานด้านความยั่งยืนขององค์กรให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
  • ผู้ตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Auditor): ตรวจสอบกระบวนการทำงานของโรงงานหรือองค์กรให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม
  • ผู้จัดการกองทุนที่เน้นการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment Manager): วิเคราะห์และเลือกหุ้นหรือสินทรัพย์ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงหลัก ESG
  • ที่ปรึกษาด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Consultant): ให้คำแนะนำองค์กรในการเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์

เริ่มต้นอย่างไร?

ติดตามข่าวสารจากหน่วยงาน เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรฐานสากลอย่าง GRI, SASB หรือลงเรียน Certificate ด้าน ESG โดยเฉพาะ

3. สายสุขภาพและการดูแลสุขภาวะ (Healthcare & Wellness)

สังคมสูงวัย (Aging Society) และเทรนด์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ทำให้สายงานนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโรงพยาบาล แต่ขยายไปสู่ธุรกิจบริการและเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ (HealthTech) มากขึ้น

ทำไมถึงน่าสนใจ?

  • ความมั่นคงสูง: สุขภาพเป็นเรื่องจำเป็นเสมอ ทำให้สายงานนี้ไม่ค่อยผันผวนตามเศรษฐกิจ
  • ตลาดกว้างมาก: ตั้งแต่การดูแลผู้สูงอายุ, นักกำหนดอาหาร, เทรนเนอร์สุขภาพจิต ไปจนถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันสุขภาพ

ตำแหน่งงานที่น่าสนใจ:

  • นักจิตวิทยาให้คำปรึกษา หรือโค้ชด้านสุขภาพจิต (Mental Health Coach): ความต้องการสูงขึ้นมากในยุคที่คนเครียดและหมดไฟ การให้คำปรึกษาออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติ
  • นักกำหนดอาหาร (Dietitian/Nutritionist): ออกแบบโปรแกรมโภชนาการส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเพื่อลดน้ำหนัก, เพื่อผู้ป่วยโรคเฉพาะทาง หรือเพื่อสุขภาพองค์รวม
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ HealthTech: ทำงานในบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนาแอปฯ หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น Smart Watch, แอปฯติดตามการนอน
  • ผู้จัดการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ (Elderly Care Business Manager): บริหารจัดการธุรกิจสถานดูแลผู้สูงอายุ หรือบริการจัดส่งผู้ดูแลไปที่บ้าน ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังโตอย่างมหาศาล

เริ่มต้นอย่างไร?

หากสนใจด้านจิตวิทยาหรือโภชนาการ อาจต้องเรียนต่อในระดับปริญญาหรือประกาศนียบัตรที่ได้รับการรับรอง แต่หากสนใจฝั่งธุรกิจหรือเทคโนโลยี สามารถใช้ทักษะการจัดการหรือการตลาดเดิมมาประยุกต์ และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมสุขภาพได้

4. เศรษฐกิจสร้างสรรค์และคอนเทนต์ (Creative & Content Economy)

ในยุคที่ “คอนเทนต์คือพระราชา” ใครๆ ก็สามารถเป็นผู้สร้างได้ ทักษะการเล่าเรื่อง, การทำวิดีโอ, การเขียน, การออกแบบกราฟิก กลายเป็นทักษะทำเงินที่สามารถสร้างอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมที่รายได้ดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ทำไมถึงน่าสนใจ?

  • อิสระในการทำงาน: สามารถเป็นนายของตัวเองได้ รับงานฟรีแลนซ์ หรือสร้างช่องทางของตัวเอง
  • เปลี่ยนแพสชันเป็นอาชีพ: ได้ทำในสิ่งที่รักจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร, การท่องเที่ยว, การแต่งตัว, การสอน
  • ต้นทุนเริ่มต้นต่ำ: แค่มีมือถือและอินเทอร์เน็ตก็สามารถเริ่มต้นสร้างสรรค์ผลงานได้แล้ว

ตำแหน่งงาน/ช่องทางสร้างรายได้:

  • ผู้สร้างคอนเทนต์ (Content Creator/Influencer): สร้างตัวตนบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น YouTube, TikTok, Instagram, Facebook และสร้างรายได้จากสปอนเซอร์, การขายสินค้า หรือคอร์สออนไลน์
  • นักเขียนคำโฆษณา (Copywriter) / นักเขียนบทความ SEO: อาชีพที่ต้องการสูงมากในยุคดิจิทัล ทุกแบรนด์ต้องการคนเล่าเรื่องสินค้าและบริการให้น่าสนใจและติดอันดับการค้นหา
  • ผู้จัดการโซเชียลมีเดีย (Social Media Manager): ดูแลช่องทางโซเชียลมีเดียทั้งหมดของแบรนด์ ตั้งแต่วางแผนคอนเทนต์, ยิงแอด, ไปจนถึงตอบคำถามลูกค้า
  • ช่างภาพ/นักตัดต่อวิดีโอ (Photographer/Video Editor): ทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคอนเทนต์ทุกรูปแบบ สามารถรับงานได้หลากหลายตั้งแต่สินค้า, อีเวนต์, ไปจนถึงช่อง YouTube

เริ่มต้นอย่างไร?

เริ่มจากสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัดที่สุด สร้างสรรค์ผลงานอย่างสม่ำเสมอและสร้าง Portfolio ที่ดี เรียนรู้การใช้เครื่องมือง่ายๆ เช่น Canva สำหรับกราฟิก, CapCut สำหรับวิดีโอ เข้าร่วมกลุ่มคอมมูนิตี้ของคนทำงานสายเดียวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และหางาน

5. โลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ซ (Logistics & E-commerce)

พฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ที่เติบโตแบบหยุดไม่อยู่ ทำให้เบื้องหลังอย่างระบบการจัดการคลังสินค้า (Warehouse), การขนส่ง (Logistics), และการจัดการคำสั่งซื้อ (Order Fulfillment) กลายเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดและต้องการคนที่มีทักษะเข้ามาบริหารจัดการ

ทำไมถึงน่าสนใจ?

  • อุตสาหกรรมขนาดใหญ่และเติบโตต่อเนื่อง: ตราบใดที่คนยังซื้อของออนไลน์ งานสายนี้ก็ยังคงอยู่
  • ทักษะการจัดการเป็นที่ต้องการ: ต้องการคนที่มีทักษะการวางแผน, การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า, และการประสานงาน ซึ่งผู้หญิงเราทำได้ดีเยี่ยม
  • ผสมผสานเทคโนโลยี: มีการนำเทคโนโลยีและ Data มาใช้ในการบริหารจัดการมากขึ้น ทำให้งานท้าทายและไม่น่าเบื่อ

ตำแหน่งงานที่น่าสนใจ:

  • ผู้จัดการฝ่ายอีคอมเมิร์ซ (E-commerce Manager): ดูแลภาพรวมการขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด ตั้งแต่การลงสินค้า, การตลาด, โปรโมชัน, ไปจนถึงการวิเคราะห์ยอดขาย
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชน (Supply Chain Specialist): วางแผนกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ, การผลิต, การจัดเก็บ, ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าถึงมือลูกค้า
  • ผู้จัดการคลังสินค้า (Warehouse Manager): บริหารจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งการจัดเก็บ, การหยิบสินค้า (Picking), และการแพ็ค (Packing)

เริ่มต้นอย่างไร?

คนที่มีพื้นฐานด้านการบริหาร, การจัดการ, หรือการบัญชี สามารถย้ายสายมาทางนี้ได้ไม่ยาก โดยอาจจะต้อง Upskill ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบการจัดการคลังสินค้า (WMS) และเรียนรู้ศัพท์เฉพาะในวงการอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์

ไม่ใช่แค่ฝัน: Action Plan 4 ขั้นตอนเปลี่ยนเส้นทางอาชีพให้เป็นจริง

การมองเห็นโอกาสเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่การลงมือทำต่างหากที่จะพาเราไปถึงเส้นชัย ลองทำตาม 4 ขั้นตอนนี้ เพื่อเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นแผนการที่จับต้องได้ค่ะ

ขั้นที่ 1: สำรวจและรู้จักตัวเอง (Self-Exploration)

ก่อนจะมองหางานข้างนอก ลองมองเข้ามาข้างในใจตัวเองก่อนค่ะ ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้:

  • อะไรคือสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข? (Passion) – เวลาว่างชอบทำอะไร? อ่านหนังสือแนวไหน? เรื่องอะไรที่พูดได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ?
  • อะไรคือสิ่งที่เราทำได้ดี? (Strength) – จากงานเก่า เราได้รับคำชมเรื่องอะไรบ่อยที่สุด? การประสานงาน? การจัดระเบียบ? การคิดวิเคราะห์? อย่ามองข้ามทักษะเหล่านี้เด็ดขาด (Transferable Skills)
  • ไลฟ์สไตล์แบบไหนที่ต้องการ? (Lifestyle) – อยากทำงานเข้าออฟฟิศ? อยากทำงานที่บ้าน? อยากมีเวลาไปรับ-ส่งลูก? อยากมีรายได้ที่มั่นคงหรือยอมเสี่ยงเพื่อผลตอบแทนสูง?

การเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้ จะทำให้เราเลือกเส้นทางใหม่ได้ตรงกับ “คุณค่า” ที่เรายึดถือจริงๆ

ขั้นที่ 2: เติมอาวุธให้พร้อมรบ (Upskill & Reskill)

เมื่อเจอสายงานที่สนใจแล้ว ก็ถึงเวลาเติมทักษะ Upskill ที่ยังขาดหายไป:

  • คอร์สออนไลน์: มีคอร์สมากมายจากผู้เชี่ยวชาญในราคาที่จับต้องได้
  • ใบรับรอง (Certifications): การมีใบรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือจะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้โปรไฟล์ของคุณอย่างมหาศาล
  • หาพี่เลี้ยง (Mentor): ลองมองหาคนที่ประสบความสำเร็จในสายงานนั้นๆ แล้วเข้าไปพูดคุย ขอคำแนะนำ การมีคนนำทางจะช่วยย่นระยะเวลาและลดความผิดพลาดได้

ขั้นที่ 3: สร้างผลงานและตัวตนบนโลกออนไลน์ (Build Your Portfolio & Personal Branding)

ในยุคนี้ “ผลงานสำคัญกว่าเรซูเม่” ค่ะ ต่อให้ไม่มีประสบการณ์ตรง แต่ถ้าเรามีผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรม โอกาสก็จะวิ่งเข้ามาหาเอง

  • ทำโปรเจกต์ของตัวเอง: อยากเป็น UX/UI Designer? ลองออกแบบแอปฯ ในฝันดู อยากเป็น Content Creator? เริ่มทำเพจหรือช่องของตัวเองเลย
  • สร้างโปรไฟล์ LinkedIn ให้น่าสนใจ: อัปเดตทักษะใหม่ๆ ที่เรียนมา, แชร์บทความที่น่าสนใจในสายงานนั้น, เข้าไปแสดงความคิดเห็นในโพสต์ของคนอื่นอย่างสม่ำเสมอ
  • รับงานฟรีแลนซ์เล็กๆ: อาจจะเริ่มจากราคาไม่สูงหรือทำให้คนรู้จักก่อน เพื่อเก็บเป็นผลงานและสร้างคอนเนคชั่น

ขั้นที่ 4: สร้างเครือข่ายและพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่ใช่ (Networking)

อย่ากลัวที่จะบอกให้โลกรู้ว่าเรากำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ พลังของคอนเนคชั่นอาจนำพาสิ่งดีๆ มาให้เราเกินกว่าที่คาดคิด

  • เข้าร่วมงานสัมมนา, Workshop หรือคอร์สเรียนต่อสำหรับคนวัยทำงาน: ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เป็นโอกาสที่ดีในการเจอคนในวงการและอัปเดตความรู้
  • เข้าร่วมกลุ่มใน Facebook หรือ LinkedIn: กลุ่มของคนในสายอาชีพต่างๆ เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีและเป็นที่ที่หลายบริษัทมองหาคน
  • นัดดื่มกาแฟ: ทักไปขอคำแนะนำจากคนที่คุณชื่นชมใน LinkedIn คนส่วนใหญ่ยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์เสมอค่ะ

แด่หัวใจที่พร้อมจะก้าว: ปรับ Mindset พิชิตความกลัว

ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่คือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด ทุกคนล้วนเคยเป็นมือใหม่ การลองผิดลองถูกจะทำให้เราแข็งแกร่งและฉลาดขึ้น

อย่าเปรียบเทียบจุดเริ่มต้นของเรากับเส้นชัยของคนอื่น แต่ละคนมีจังหวะชีวิตที่แตกต่างกัน โฟกัสที่การพัฒนาของตัวเองในแต่ละวันก็พอแล้ว

ประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่เคยสูญเปล่า ทักษะการสื่อสาร, การแก้ปัญหา, ความเป็นผู้นำจากงานเก่า คือต้นทุนล้ำค่าที่เราสามารถนำมาปรับใช้กับทุกสายงานได้

สุดท้ายนี้ การเปลี่ยนอาชีพไม่ใช่การวิ่ง 100 เมตร แต่เป็นการวิ่งมาราธอนที่ต้องอาศัยความอดทน, การวางแผน, และที่สำคัญที่สุดคือ “ความเชื่อมั่นในตัวเอง” คุณคือคนที่เก่งและมีความสามารถ การเดินทางครั้งใหม่อาจจะมีอุปสรรคบ้าง แต่มันจะนำคุณไปสู่บทใหม่ของชีวิตที่น่าตื่นเต้นและเติมเต็มกว่าเดิมอย่างแน่นอน

โลกกว้างกว่าที่เราคิด และศักยภาพของคุณ… ก็เช่นกันค่ะ

—————————————————

สร้างเครือข่ายและพาตัวเองไปสู่ที่ที่ใช่ สามารถมองหาโอกาสใหม่จากบทความ เพราะความรู้ไม่ควรมีขีดจำกัด…รวม 8 หลักสูตรปริญญาเอก SPU และ จาก Passion สู่ Profession ตอบโจทย์ด้วย 9 หลักสูตรปริญญาโทจาก SPU

(Visited 381 times, 1 visits today)

Related posts

เปรียบเทียบ Upskills ด้วยวุฒิปริญญาโทและปริญญาเอก: ควรศึกษาต่อระดับไหนให้ตอบโจทย์อนาคต

Wadee

รู้ทัน 7 นิสัยสำคัญสู่การเลื่อนตำแหน่ง พร้อมวางแผนเรียนต่อปริญญาโทและเอกให้โดดเด่น

Wadee

สร้างแรงบันดาลใจจาก Lifelong Learning: การเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อความสำเร็จและการพัฒนาตนเอง

Wadee