คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจFaculty

คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ SPU เรียนแล้วเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่ยังไม่จบจริงหรือ? เผยวิธีคิดและเคล็ดลับจากรุ่นพี่ YOUNG CEO

คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ SPU เรียนแล้วเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่ยังไม่จบจริงหรือ? เผยวิธีคิดและเคล็ดลับจากรุ่นพี่ YOUNG CEO

สาขาการเป็นเจ้าของธุรกิจและสร้างสรรค์นวัตกรรม
คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ SPU
เรียนแล้วเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่ยังไม่จบจริงหรือ?

สวัสดีน้องๆ ชาว Gen Z ทุกคน! พี่เป็นรุ่นพี่มหา’ลัยคนนึงที่เคยนั่งอยู่จุดเดียวกับพวกนายเลย คือ… นั่งไถฟีดไปวันๆ คิดวนไปว่า
“อนาคตจะทำอะไรดีวะ?”
“อยากมีตังค์ซื้อของที่อยากได้โดยไม่ต้องขอพ่อแม่”
“ไอ้เรื่องที่ชอบเนี่ย มันจะทำเป็นอาชีพได้จริงดิ?”

แล้วก็มาเจอคำถามสุดคลาสสิกที่ผุดขึ้นมาในหัว: “เรียนก็หนักแล้ว จะเอาเวลาไหนไปทำธุรกิจ? มันทำได้จริงเหรอ?”

วันนี้ในฐานะ “รุ่นพี่ YOUNG CEO” (ขอเรียกตัวเองเท่ๆ แบบนี้ละกันนะ 😜) ที่ลองผิดลองถูก ล้มลุกคลุกคลานมาตั้งแต่สมัยใส่ชุดนักเรียนจนตอนนี้ทำธุรกิจของตัวเองควบคู่ไปกับการเรียนมหา’ลัยได้… พี่ขอบอกดังๆ ตรงนี้เลยว่า “จริง! และทำได้ดีกว่าที่คิดด้วย!” บทความนี้ไม่ใช่แค่การขายฝัน แต่คือแผนที่และเข็มทิศจากประสบการณ์ตรง ที่จะพาน้องๆ ไปสำรวจโลกของการเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย พร้อมทั้งเคล็ดลับที่จะทำให้ธุรกิจเล็กๆ ของเราไปไกลกว่าแค่ในโรงเรียนหรือมหา’ลัยแน่นอน!

คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ SPU เรียนแล้วเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่ยังไม่จบจริงหรือ? เผยวิธีคิดและเคล็ดลับจากรุ่นพี่ YOUNG CEO

เปลี่ยน Mindset ก่อน!
ทำไมต้องเริ่มเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่ตอนนี้?

ก่อนจะไปถึง ‘How-to’ เรามาคุยกันเรื่อง ‘Why’ กันก่อน ทำไมพี่ถึงเชียร์สุดใจให้เริ่มตอนนี้นะเหรอ? เพราะช่วงวัยเรียนนี่แหละคือ ‘Sandbox’ หรือกระบะทรายที่ปลอดภัยที่สุดในชีวิตแล้ว!

สนามทดลองที่ “เจ๊ง” แล้วไม่เจ็บหนัก

คิดภาพตามนะ… ถ้าเราเริ่มธุรกิจตอนอายุ 30 มีภาระเต็มตัว ทั้งผ่อนบ้าน ผ่อนรถ การล้มเหลวหนึ่งครั้งอาจหมายถึงหายนะทางการเงิน แต่ตอนนี้น่ะเหรอ? ถ้าพลาด… เราก็แค่เสียเงินเก็บค่าขนมนิดหน่อย เสียเวลาไปบ้าง แต่น้องจะได้ “ประสบการณ์” ที่ประเมินค่าไม่ได้กลับมา ซึ่งโคตรจะคุ้มค่าเลย! เรายังอยู่บ้านกับพ่อแม่ ยังมีข้าวกิน ยังมีที่ซุกหัวนอน ความเสี่ยงต่ำมาก!

สร้าง Portfolio ที่ไม่ใช่แค่เกรดเฉลี่ย

ในยุคที่ใครๆ ก็พยายามปั้นเกรดให้สวยหรูเพื่อยื่นเข้ามหา’ลัยดีๆ หรือสมัครงานเด็ดๆ การมี “ประสบการณ์ทำธุรกิจของตัวเอง” อยู่ในพอร์ตเนี่ย มันคือตัวท็อป! มันบอกคณะกรรมการหรือ HR ได้เลยว่า…

  • เรามีความคิดริเริ่ม (Initiative)
  • เราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็น (Problem-Solving)
  • เราบริหารจัดการได้ (Management Skill)
  • เรามีความเป็นผู้นำ (Leadership)

สกิลพวกนี้แหละที่มันโดดเด่นกว่าเกรด 4.00 ซะอีก!

ค้นหาตัวเองฉบับ Hardcore

หลายคนยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ถนัดอะไรกันแน่ การลงมือทำธุรกิจคือทางลัดที่ดีที่สุดในการค้นหาตัวเอง เราจะได้ลองทำทุกอย่างตั้งแต่ คิดสินค้า, ทำการตลาด, คุยกับลูกค้า, ทำบัญชี ไปจนถึงการแพ็คของส่ง… แล้วเราจะรู้เองว่า “เออว่ะ! เราแม่งโคตรชอบคุยกับคนเลย” หรือ “งานออกแบบกราฟิกนี่แหละทางของเรา” มันคือการค้นพบแพสชันผ่านการลงมือทำจริง ไม่ใช่แค่นั่งจินตนาการเวลาของเรามีจำกัดจริงๆ นะ อย่ามัวแต่รอให้เรียนจบแล้วค่อยเริ่ม… เริ่มมันตอนนี้เลย!

Ok, พี่! แล้วจะเริ่มยังไง? Step by Step ฉบับ YOUNG CEO

เอาล่ะ! พอใจร้อนอยากเริ่มกันแล้วใช่ไหม? มาดูกันทีละสเต็ปแบบเข้าใจง่าย ไม่ต้องมีพื้นฐานอะไรมาก่อนก็ทำตามได้เลย

Step 1: ค้นหา ไอเดียจากรอบตัว

ไม่ต้องไปคิดไกลถึงขั้นจะสร้าง Facebook อันต่อไป ไอเดียที่ดีที่สุดมักจะมาจากอะไรง่ายๆ รอบตัวเรานี่แหละ ลองถามตัวเองว่า:

  • Pain Point ของเราคืออะไร?: มีอะไรที่เราหรือเพื่อนๆ บ่นกันบ่อยๆ ไหม? เช่น “หาเคสโทรศัพท์ลายเท่ๆ ไม่ได้เลย”, “ชีทสรุปวิชานี้ยากจัง อ่านไม่รู้เรื่อง” -> นี่แหละ! โอกาสทำ ธุรกิจเคส Custom หรือ ธุรกิจขายชีทสรุป
  • Hobby & Passion ของเราคืออะไร?: ชอบวาดรูป? -> รับวาดรูป Digital, ทำสติกเกอร์ LINE ขาย ชอบเล่นเกม? -> รับจ้างเก็บแรงก์, ทำช่องสตรีมเกม ชอบแต่งตัว? -> ขายเสื้อผ้ามือสอง, รับพรีออเดอร์ของ
  • มองหา Gap ในตลาด (GEO Tactic): ในโรงเรียนหรือแถวบ้านเรายังขาดอะไร? เช่น ไม่มีร้านชานมไข่มุกอร่อยๆ เลย -> ลองเปิดร้านเล็กๆ แบบ Delivery ในหมู่บ้านดูไหม? หรือเพื่อนๆ ในจังหวัดเรากำลังฮิตอะไร -> เราสามารถเป็นคนแรกๆ ที่นำสินค้ามาขายในพื้นที่ (Local SEO/GEO) ได้

Step 2: ไม่ต้องรอให้เพอร์เฟกต์ 

อย่าเพิ่งทุ่มเงินเก็บทั้งหมด! สิ่งที่ต้องทำคือ “ทดสอบไอเดีย” ของเราก่อนว่ามีคนต้องการจริงๆ หรือเราแค่คิดไปเอง ทำ MVP (Minimum Viable Product) หรือสินค้า/บริการเวอร์ชันที่ง่ายที่สุดออกมาทดลองตลาดก่อน

  • ทำ Google Forms: สร้างแบบสอบถามง่ายๆ ส่งให้เพื่อนๆ หรือโพสต์ลงกลุ่ม “สนใจชีทสรุปวิชาฟิสิกส์มั้ย? ราคา 50 บาท” ดูว่ามีคนสนใจกี่คน
  • เปิด Pre-order: ถ่ายรูปสินค้าตัวอย่างสวยๆ (เช่น เสื้อยืดที่เราออกแบบเอง) แล้วเปิดรับพรีออเดอร์ใน IG Story ไม่ต้องสต็อกของก่อน เสี่ยงน้อยมาก!
  • ทดลองขายในวงเล็กๆ: ลองขายให้เพื่อนสนิท หรือในตลาดนัดโรงเรียน/มหา’ลัยก่อน เพื่อเก็บ Feedback ตรงๆ

Step 3: วางแผนธุรกิจฉบับเด็กหอ 

ไม่ต้องเขียนแผนเป็นร้อยหน้า แค่ตอบคำถามหลักๆ เหล่านี้ให้ได้ในกระดาษแผ่นเดียว:

  • Product/Service: สินค้า/บริการของเราคืออะไร? จุดเด่นคืออะไร?
  • Customer: ลูกค้าของเราคือใคร? (วัยรุ่นหญิง? คนเล่นเกม? นักเรียนม.ปลาย?)
  • Marketing & Sales (SEO/GEO): เราจะโปรโมตและขายที่ไหน? (IG, TikTok, Facebook Marketplace, LINE OA?) ใช้ # (แฮชแท็ก) อะไรดี? (#ชีทสรุปเตรียมสอบ #ของดีบอกต่อ #คาเฟ่กรุงเทพ)
  • Pricing & Cost: ต้นทุนเท่าไหร่? จะขายราคาเท่าไหร่? กำไรต่อชิ้นเท่าไหร่?

Step 4: ลงมือทำ! ใช้เครื่องมือฟรีให้เป็นประโยชน์

ยุคนี้คือยุคทองของคนทุนน้อย! เรามีเครื่องมือฟรีและใช้ง่ายเต็มไปหมด

  • Canva: ออกแบบโลโก้, รูปโปรโมต, ปกเพจ ได้อย่างโปรโดยไม่ต้องเป็นกราฟิกดีไซเนอร์
  • Instagram / TikTok: แพลตฟอร์มการตลาดที่ทรงพลังที่สุดสำหรับวัยรุ่น ทำคอนเทนต์ดีๆ ยิง Reels ปังๆ เดี๋ยวลูกค้าก็ตามมาเอง
  • LINE Official Account (LINE OA): ใช้เป็น CRM (ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์) ขนาดย่อม ส่งโปรโมชั่น, ปิดการขาย, สร้างฐานลูกค้าประจำ
  • Google Sheets/Excel: ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายง่ายๆ ไม่ต้องซื้อโปรแกรมแพงๆ

เจาะลึกชีวิต 4 ปี กับการปั้นธุรกิจ ที่คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ SPU

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น พี่จะลองจำลองเส้นทาง 4 ปีให้น้องๆ ดูว่าในแต่ละปี เราจะได้เจอกับโปรเจกต์และชาเลนจ์อะไรบ้าง บอกเลยว่าแต่ละปีคือการอัปเลเวลสกิลแบบก้าวกระโดด!

ปี 1: ค้นหาปัญหาและสร้างไอเดีย

ปีแรกคือช่วงของการปรับพื้นฐานและจุดประกายความคิด โปรเจกต์ส่วนใหญ่จะเน้นให้เรามองหาสิ่งรอบตัว มองหา “ปัญหา” (Pain Point) ที่ผู้คนเจอในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าง “ทำไมสั่งอาหารคลีนแล้วไม่อร่อยเลย” ไปจนถึงปัญหาสังคมอย่าง “ขยะพลาสติกจะจัดการยังไง”

  • โปรเจกต์ตัวอย่าง: “Design Thinking Project” – ให้กลุ่มเราลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์คนจริงๆ เพื่อหา Pain Point แล้วระดมสมองคิดไอเดียธุรกิจมาแก้ปัญหา 1 อย่าง
  • สกิลที่จะได้: การสังเกต, การสัมภาษณ์, Empathy (การเข้าใจลูกค้า), การระดมสมอง, การนำเสนอไอเดียเบื้องต้น
  • สิ่งที่เรียนรู้: น้องจะเริ่มเข้าใจว่า ธุรกิจที่ดีไม่ได้เริ่มจาก “อยากขายอะไร” แต่เริ่มจาก “อยากแก้ปัญหาอะไรให้ใคร” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเป็นเจ้าของธุรกิจเลย

ปี 2: สร้างต้นแบบและทดลองตลาด

พอมีไอเดียแล้ว ปี 2 คือช่วงเวลาของการ “ทำให้มันเป็นรูปเป็นร่าง” เราจะได้เรียนรู้เครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็น เช่น Business Model Canvas (BMC) เพื่อวางโครงสร้างธุรกิจ, การทำ Prototype หรือ MVP (Minimum Viable Product) ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์/บริการเวอร์ชันแรกสุดที่พอจะใช้งานได้ เพื่อเอาไปทดลองกับลูกค้ากลุ่มเล็กๆ

  • โปรเจกต์ตัวอย่าง: “MVP Challenge” – แต่ละกลุ่มต้องสร้าง MVP ของตัวเองขึ้นมา อาจจะเป็นแอปฯ จำลอง, เว็บไซต์หน้าเดียว, หรือแม้แต่บริการที่ทำด้วยมือล้วนๆ แล้วเอาไปให้กลุ่มเป้าหมายลองใช้จริงเพื่อเก็บ Feedback
  • สกิลที่จะได้: การวางแผนธุรกิจ (BMC), การทำ Market Research, การสร้าง Prototype, การตลาดเบื้องต้น (Digital Marketing), การวิเคราะห์ข้อมูลจาก Feedback
  • สิ่งที่เรียนรู้: “ไอเดียของเราอาจจะไม่ได้เจ๋งอย่างที่คิด” การได้รับ Feedback จริงจากลูกค้า คือบทเรียนที่ล้ำค่าที่สุด น้องจะได้เรียนรู้การปรับตัว การล้มแล้วลุกไว (Fail Fast, Learn Faster)

ปี 3: เปิดตัวธุรกิจและหาลูกค้าจริง

นี่คือปีที่ “ของจริง” มาแล้ว! โปรเจกต์ในปีนี้จะเข้มข้นมาก หลายๆ โปรเจกต์คือการให้เรา “จดทะเบียนบริษัทจริงๆ” และเริ่มทำธุรกิจแบบเต็มตัว เราจะได้เรียนรู้เรื่องที่ซับซ้อนขึ้นอย่างกฎหมายธุรกิจ, บัญชีการเงิน, การหาเงินทุน (Funding), และการสเกลธุรกิจ

  • โปรเจกต์ตัวอย่าง: “Company Launchpad” – แต่ละกลุ่มจะได้รับเงินทุนตั้งต้น (Seed Fund) จากคณะหรือพาร์ทเนอร์ เพื่อนำไปใช้ในการเปิดตัวธุรกิจจริงๆ ต้องทำทุกอย่างเหมือนบริษัทจริง มีการวัดผล KPI, ทำรายงานการเงิน, และนำเสนอผลประกอบการให้อาจารย์ที่เปรียบเสมือน “บอร์ดบริหาร”
  • สกิลที่จะได้: การบริหารการเงิน, การตลาดขั้นสูง, การขายและเจรจาต่อรอง, ความรู้ด้านกฎหมายและบัญชี, การบริหารทีม, การ Pitching (นำเสนอเพื่อระดมทุน)
  • สิ่งที่เรียนรู้: ความเครียดของจริง! การบริหารเงิน, การจัดการคนในทีม, การเจอลูกค้าปฏิเสธ ทั้งหมดคือบทเรียนที่ไม่มีในตำราเล่มไหน แต่ประสบการณ์เหล่านี้แหละที่หล่อหลอมให้เราเป็นเจ้าของธุรกิจที่แข็งแกร่ง 🔥

ปี 4: บริหารเพื่อความยั่งยืน

ปีสุดท้ายคือบทพิสูจน์ความเป็น “ผู้ประกอบการ” ของเรา โปรเจกต์จบก็คือ “ธุรกิจของเราเอง” ที่ทำมาตั้งแต่ปี 3 นั่นแหละ เราต้องทำให้มันเติบโตและยั่งยืนให้ได้ หรือบางคนอาจจะเลือกทำโปรเจกต์ใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม ปีนี้เราจะมีอิสระในการตัดสินใจสูงมาก แต่อาจารย์จะเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้สอน” มาเป็น “ที่ปรึกษา (Mentor)” คอยให้คำแนะนำและ Connection ต่างๆ

  • โปรเจกต์ตัวอย่าง: “Senior Project – My Own Business” – บริหารธุรกิจของตัวเองให้มีกำไรและเติบโตอย่างยั่งยืนตลอดปีการศึกษา พร้อมทำแผนธุรกิจเพื่อขยายกิจการในอนาคต หรือเตรียม Pitching กับนักลงทุน (Venture Capital – VC) ตัวจริง
  • สกิลที่จะได้: การวางกลยุทธ์ธุรกิจระยะยาว, การบริหารจัดการองค์กร, ภาวะผู้นำ, การสร้างเครือข่าย (Networking), การบริหารความเสี่ยง
  • สิ่งที่เรียนรู้: การเป็นเจ้าของธุรกิจไม่ใช่แค่การสร้างผลิตภัณฑ์ แต่คือการสร้าง “ระบบ” และ “ทีม” ที่สามารถดำเนินต่อไปได้ด้วยตัวเอง เราจะได้เรียนรู้การเป็น “ผู้นำ” ไม่ใช่แค่ “ผู้ทำ”

เคล็ดลับ (ไม่) ลับจากรุ่นพี่: ทำยังไงให้รอดและรุ่ง!

การเริ่มน่ะง่าย แต่การทำต่อเนื่องให้รอดและรุ่งเนี่ยยากกว่า นี่คือเคล็ดลับที่พี่กลั่นมาจากเลือด เหงื่อ และน้ำตา (เว่อร์ไปนิด 🤣)

  1. บริหารเวลาดุจเทพเจ้า: ใช้เทคนิค Time Blocking หรือ Pomodoro แบ่งเวลาชัดเจน “9-12 โมง อ่านหนังสือสอบ”, “บ่ายโมงถึงบ่ายสอง ตอบแชทลูกค้า”, “บ่ายสองถึงสี่โมง แพ็คของ” อย่าทำสองอย่างพร้อมกัน มันจะพังทั้งคู่! ใช้ Google Calendar ช่วยวางแผนชีวิต
  2. วินัยทางการเงินคือหัวใจ: แยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีร้านเด็ดขาด! ต่อให้เป็นเงินแค่หลักพันก็ตาม กำไรที่ได้มา อย่าเพิ่งเอาไปใช้หมด แบ่งเก็บเป็นทุนหมุนเวียน, แบ่งลงทุนเพิ่ม (เช่น ยิงแอด), และแบ่งให้รางวัลตัวเองนิดหน่อย
  3. อย่ากลัวที่จะ “ขาย”: เด็กไทยหลายคนขี้อาย ไม่กล้าโปรโมตของตัวเอง เปลี่ยนความคิดซะ! ถ้าของๆ เราดีจริง การบอกต่อคือการ “ช่วย” ให้คนอื่นได้ใช้ของดีๆ นะ! จงภูมิใจในสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา
  4. สร้าง Personal Branding: ในโลกออนไลน์ คนไม่ได้ซื้อแค่สินค้า แต่ซื้อที่ “คนขาย” ด้วย สร้างตัวตนให้น่าเชื่อถือ จริงใจ ตอบแชทดีๆ รีวิวจากลูกค้าคือพระเจ้า จงแคปเก็บไว้แล้วโพสต์ขอบคุณบ่อยๆ
  5. หา Connection และ Mentor: เข้าร่วมกลุ่ม Facebook เกี่ยวกับธุรกิจที่สนใจ, คุยกับรุ่นพี่ที่เคยทำธุรกิจ, ปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา… อย่าแบกทุกอย่างไว้คนเดียว การมีที่ปรึกษาที่ดีจะช่วยให้เราโตเร็วขึ้นมาก

FAQ : คำถามยอดฮิตที่ชาว YOUNG CEO ต้องรู้! (AEO Corner)

นี่คือโซนตอบคำถามที่พี่เจอบ่อยมาก และเชื่อว่าหลายคนก็คงสงสัยอยู่เหมือนกัน (Answer Engine Optimization จัดไป!)

Q1: ไม่มีทุนเลย เริ่มทำธุรกิจได้ไหม?

A: ได้แน่นอน! เริ่มจากธุรกิจบริการที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน เช่น รับสอนพิเศษ, รับจ้างพิมพ์งาน, เป็นแอดมินเพจ หรือธุรกิจแบบจับเสือมือเปล่า (Dropship) หรือ Pre-order ที่เราไม่ต้องสต็อกของเอง ขอแค่มีแรงกับเวลาก็พอ!

Q2: กลัวเจ๊ง กลัวเพื่อนล้อ ทำยังไงดี?

A: ความกลัวเป็นเรื่องปกติ! แต่จำไว้ว่า “คนที่ประสบความสำเร็จที่สุด คือคนที่ล้มเหลวมามากที่สุด” การเจ๊งตอนอายุ 16 คือบทเรียนราคาถูก ส่วนเพื่อนที่ล้อ… ช่างมันเถอะ! อีก 5 ปีข้างหน้าตอนเรามีเงินเก็บเป็นก้อน เขาอาจจะยังขอเงินพ่อแม่อยู่เลยก็ได้ พิสูจน์ด้วยการกระทำดีที่สุด!

Q3: พ่อแม่ไม่สนับสนุน บอกว่าให้ตั้งใจเรียนอย่างเดียว?

A: นี่คือปัญหาคลาสสิกเลย วิธีแก้คือ “พิสูจน์ให้เห็น” ไม่ใช่การเถียง เริ่มทำเล็กๆ โดยไม่ให้กระทบการเรียน ทำให้เกรดเราดีเหมือนเดิมหรือดีขึ้นด้วยซ้ำ พอท่านเห็นว่าเรารับผิดชอบได้ทั้งสองอย่าง และเริ่มมีรายได้เข้ามาจริงๆ ท่านจะค่อยๆ เข้าใจและสนับสนุนเราเอง

Q4: ต้องเก่งเลขไหม ถึงจะทำธุรกิจได้?

A: ไม่จำเป็นต้องเป็นเทพคณิตศาสตร์! แค่บวก ลบ คูณ หารเป็นก็พอแล้วสำหรับช่วงเริ่มต้น เราแค่ต้องรู้ว่า ต้นทุนเท่าไหร่? ขายเท่าไหร่? กำไรเท่าไหร่? ที่เหลือเครื่องคิดเลขหรือ Google Sheets ช่วยได้หมด ที่สำคัญกว่าคือความเข้าใจลูกค้าและการตลาดต่างหาก

Q5: จะหาลูกค้าเจ้าแรกจากที่ไหน?

A: ลูกค้าเจ้าแรกที่ดีที่สุดคือ “คนใกล้ตัว” ครับ! เพื่อนสนิท, ญาติ, รุ่นพี่, รุ่นน้อง ลองเสนอขายหรือให้เขาทดลองใช้ฟรีเพื่อแลกกับรีวิวก็ได้ จากนั้นก็ค่อยๆ ขยายวงออกไปผ่านโซเชียลมีเดีย การบอกต่อ (Word-of-mouth) จากคนกลุ่มแรกนี่แหละทรงพลังที่สุด

 

คุณก็เป็น YOUNG CEO ได้ ไม่ต้องรอให้เรียนจบ

การเป็นเจ้าของธุรกิจในวัยเรียนอาจจะฟังดูเหมือนเรื่องใหญ่ แต่จริงๆ แล้วมันคือการผจญภัยที่สนุกและคุ้มค่าที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตวัยรุ่นเลยนะ มันไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน แต่มันคือการเรียนรู้, การเติบโต, และการสร้างคุณค่าให้กับตัวเองที่หาไม่ได้จากในตำราเรียน

อย่ารอให้ทุกอย่างพร้อม เพราะวันนั้นอาจจะไม่มีจริง… ความไม่พร้อมนี่แหละคือเสน่ห์ของการเริ่มต้น! แค่มีความกล้าที่จะเริ่ม, มีวินัยที่จะทำต่อ, และมีใจที่พร้อมจะเรียนรู้จากความผิดพลาด พี่เชื่อว่าน้องๆ ทุกคนก็สามารถสร้างเรื่องราว “YOUNG CEO” ในเวอร์ชันของตัวเองได้อย่างแน่นอน

ถึงตาของน้องๆ แล้ว!
ลองตอบตัวเองในใจดูสิว่า… “ไอเดียธุรกิจแรก” ที่อยากจะลองทำคืออะไร?
ไม่ต้องกลัว… แค่ก้าวแรกที่กล้าคิด ก็ถือว่านายเริ่มต้นแล้ว! ลุยเลย!

คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ SPU
หลักสูตรยุคใหม่! ตอบโจทย์คนมีความสามารถหลากหลาย
หรืออยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง Design การเรียนในแบบที่ตัวเองชอบ
พร้อมสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ที่แตกต่างกับนักธุรกิจตัวจริง

>> สมัครออนไลน์ คลิกที่นี่ <<

(Visited 11 times, 2 visits today)

Related posts

DEK LAW ขอรีวิว! 5 วิชาสุดว้าว จากนิติศาสตร์ SPU

P'Lilly SPU

Dek บริหาร SPU แนะเคล็ด(ไม่)ลับ การทำธุรกิจ SME ในยุคดิจิทัล

P'Menu SPU

เจาะลึก 4 ปี สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เรียนอะไร?

P'Lilly SPU