เด็ก68 รู้ไว้ก่อนเรียนบัญชี ไม่เสียหาย
วันนี้แอดเอาเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการออมเงิน มาแชร์ ให้เด็กๆ ทำตามแล้วได้ผลดีเชียวนะ
แอดคอนเฟิร์มนะขอบอกกก📣

อยากเก็บเงินให้ได้เร็ว ๆ ขอแนะนำให้ลองใช้ทฤษฎี 6 Jars ที่คิดค้นโดย T. Harv Eker นักธุรกิจและนักเขียน
เจ้าของหนังสือ Secrets of the Millionaire Mind เขาได้แชร์เทคนิคการเก็บเงินอย่างเป็นระบบระเบียบ
โดยให้แบ่งเงินเพื่อเก็บในแต่ละเดือนออกเป็นโหล 6 ใบตามวัตถุประสงค์ต่างๆ มาดูกันเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

กองออมที่ 1 = 55% ของรายได้
ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (Necessity Account)
กองออมแรกที่อยากให้กันเงินไว้นี้มีความจำเป็นมาก เพราะมันคือค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าโทรศัพท์รายเดือน
หรือภาระหนี้สินต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา

กองออมที่ 2 = 10% ของรายได้
ค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ในอนาคต (Long-Term Saving for Spending Account – LTSS)
กองออมนี้จะมีความสำคัญต่ออนาคตของเรา โดยจะเป็นเงินออมที่เก็บไว้เพื่อทำสิ่งที่วางแผนไว้ว่าจะทำในอนาคต
เช่น เรียนมหาวิทยาลัย, ซื้อบ้านหรือคอนโด, ไปเที่ยวต่างประเทศ หรือจะเก็บไว้เป็นเงินสำรองเพื่อใช้จ่าย
ยามฉุกเฉินก็ได้

กองออมที่ 3 = 10% ของรายได้
เพื่อให้รางวัลตัวเอง (Play Account)
กองออมนี้จะช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น เพราะเราเก็บเงินไว้เพื่อทานอาหารดี ๆ, ซื้อของที่อยากได้มานาน
หรือจะพาตัวเองไปเข้าร้านเสริมสวยเปลี่ยนลุคใหม่ก็ได้

กองออมที่ 4 = 10% ของรายได้
เพื่อพัฒนาตัวเอง (Education Account)
กองออมนี้เปรียบเหมือนการลงทุนกับตัวเองเพื่อปัจจุบันและในอนาคต เราสามารถเก็บเงินแยกไว้เพื่อลงเรียน
คอร์สที่สนใจ หรือเรียนเพื่อเพิ่มทักษะใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเราหรือการทำงาน การสร้างรายได้ในอนาคต

กองออมที่ 5 = 10% ของรายได้
ออมสำหรับเพื่อการเกษียณ (Financial Freedom Account – FFA)
กองออมนี้คือการเก็บเงินเพื่อลงทุนสำหรับอนาคตในระยะยาว หรือตอนที่เราเกษียณแล้ว เมื่อเราออมเงินได้ก้อน
หนึ่งก็อาจจะศึกษาการลงทุนเพื่อจะสร้าง Passive Income ให้เราได้ตลอดเวลา

กองออมที่ 6 = 5% ของรายได้
ออมเพื่อให้และแบ่งปันโอกาส (Give Account)
กองออมนี้คือการเก็บเงินเพื่อมอบโอกาสให้แก่ผู้อื่น โดยอาจจะเป็นการบริจาคให้กับมูลนิธิหรือองค์กรการกุศล
ซึ่งเมื่อถึงวัยทำงาน กองออมนี้จะเป็นประโยชน์ ช่วยให้เราสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วย
ยกตัวอย่างการใช้เทคนิคการออมแบบ 6 Jars มีรายได้ทั้งหมด 35,000 บาท
● ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 55% = 19,250 บาท
● การออมเพื่อใช้ในอนาคต 10% = 3,500 บาท
● การออมเพื่อให้รางวัลตัวเอง 10% = 3,500 บาท
● การออมเพื่อพัฒนาตัวเอง 10% = 3,500 บาท
● การออมเพื่อเกษียณ 10% = 3,500 บาท
● การออมเพื่อแบ่งปันโอกาส 5% = 1,750 บาท
.
.