จ๊ะจ๋า จินต์จุฑา ศิริเพ็ง (CPA)
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ ชื่อ จ๊ะจ๋า จินต์จุฑา ศิริเพ็ง ค่ะ จบจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ตอนนี้เรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อสารการแสดงหรือที่เรียกง่ายๆ ว่า CPA นั่นเองค่ะ
อย่างแรกเรามารีวิวคณะโดยรวมและแอบเม้าส์ถึงอาจารย์กันนิดนึงดีกว่าค่ะ
ค่ะก็..ท้าวความก่อนว่าที่เลือกมาเรียนที่สาขานี้ คณะนี้ เพราะว่าส่วนตัวจ๋าเป็นคนที่ต้องทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย ก็เลยเลือกมาเรียนที่นี่ ซึ่งก่อนที่จ๋าจะได้เข้ามาเรียน จ๋าก็ได้มีการปรึกษากับรุ่นพี่หลายๆ คน เพราะว่าจ๋าได้มีการเข้ามาค่าย DNA4 เข้ามาก็เจอรุ่นพี่ ก็ได้มีโอกาสรู้จักกัน ติดต่อกัน มีคอนแทคกันบ้าง ก็ปรึกษาเขาตอนช่วงคาบต่อขึ้น ม.6 และ ม.6 ขึ้นปี 1 ว่าที่นี่เป็นยังไง อาจารย์เป็นยังไง รุ่นพี่เขาก็รีวิวมาว่าอาจารย์ที่นี่ดี เขาเข้าใจดี ยิ่งโดยเฉพาะเด็กที่ต้องทำงานไปเรียนไป อาจารย์ทุกคนจะเข้าใจค่ะ ถ้าให้พูดถึงอาจารย์โดยรวมแล้วก็คือหนูรักทุกคนเลย เพราะว่าทุกคนเข้าใจหนู อาจารย์ทุกคนเข้าใจความรู้สึกหนูว่าเรียนไปทำงานไปเป็นยังไง เขาก็จะเข้าใจว่า เราขอส่งงานช้านะ หรือว่าเวลาเข้าเรียนจ๋าก็อาจจะต้องขอลาอาจารย์เพราะว่าติดงานอะไรประมาณนี้ค่ะ
เอาจริงมันน่าเรียนทุกวิชาเลยค่ะ แต่ถ้าให้เลือกว่าชอบวิชาอะไรจ๋าชอบวิชาแอคติ้งค่ะ เพราะว่าเราได้เรียนแล้วเราได้นำไปใช้ตรงนี้จริงๆ ได้นำไปใช้กับงานที่เราทำ แล้วก็ได้พัฒนาฝีมือของตัวเราเองด้วย
จ๋าจะมีแอพในโทรศัพท์ที่เป็นแอพปฏิทินเอาไว้เขียนว่า วันนี้ต้องทำอะไรบ้างเป็นแพลนเนอร์ จ๋าก็จะล็อคไว้ก่อนว่าเราต้องเรียนวันไหนบ้าง แล้วถ้าวันไหนที่มันมีงานเข้ามาหรืออะไรแบบนี้จ๋าก็จะทักส่วนตัวไปหาอาจารย์ว่า หนูขออนุญาตลานะคะเพราะว่าติดงาน ประมาณนี้ อาจารย์เขาก็จะแบบ โอเคได้งั้นมาส่งงานย้อนหลังแล้วกัน หรือว่าบางวิชาจะมีคลิปการสอนจองอาจารย์ในระบบ D-Learning ซึ่งสามารถไปนั่งเรียนย้อนหลังตรงนั้นได้
ถ้าเป็นตอนนี้ด้วยความที่เราต้องเรียนออนไลน์ อุปกรณ์หลายๆ อย่างจ๋าก็อาจจะต้องหาเอง อย่างของสาขาจ๋าก็จะมีวิชาการแต่งหน้า อันนี้ก็ต้องเตรียมเครื่องสำอางค์เอง หรือว่าจะเป็นพวกวิชาออกแบบหรือการวาดเขียนอะไรพวกนี้ก็คือต้องเตรียมเองหมด แต่ว่าถ้าพูดถึงตอนที่ยังได้มาเรียนที่มหาวิทยาลัย ก็คืออุปกรณ์ที่นี่มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอมพิวเตอร์ กล้อง การจัดไฟ อะไรพวกนี้คือที่นี่มีให้หมด ซึ่งจ๋าก็คิดว่ามันส่งผลดีกับตัวจ๋าด้วยเพราะว่าเราไม่ต้องออกเอง แต่ตอนนี้ก็อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนตรงนี้เพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างวิชาแต่งหน้า ถ้าเรามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเราสามารถหยิบยืมเพื่อนได้ อันนี้ไม่มีขอยืมหน่อยอะไรประมาณนี้ แต่อันนี้คือพอมาเรียนออนไลน์เราก็ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม ต้องเตรียมอุปกรณ์ของเราให้พร้อมเพราะว่าเราไม่มีคนให้ยืม (หัวเราะ)
รุ่นพี่ & สังคมเพื่อนในมหาวิทยาลัยเป็นยังไงบ้าง?
เอาตรงๆ จ๋าเลือกมาเรียนที่เพราะรุ่นพี่ล้วนๆ อย่างที่บอกไปจ๋าได้มีโอกาสมาเข้าค่าย DNA4 แล้วคือถูกใจรุ่นพี่ที่นี่ ซึ่งมีรุ่นพี่คนนึงเขากระซิบบอกว่า เฮ้ยน้องจ๋ามาเรียนที่นี่เดี๋ยวพี่ดันให้เป็นดาวนิเทศฯ ก็เลยมาเลยเพราะอยากเป็นดาว อ้อไม่ใช่ (หัวเราะ) เพราะชอบสังคมที่นี่ ขอบความที่รุ่นพี่เขาเป็นกันเอง เขาก็เทคแคร์ดูแลเรา คือรุ่นพี่ส่วนใหญ่ที่จ๋าเจอตอนค่ายเนี่ยจะเป็นรุ่นพี่สาขาฟิล์มมากกว่ารุ่นพี่ในสาขาการแสดง ก็จะมีการพูดคุยกันตั้งแต่เข้าค่ายจนถึงการตัดสินใจว่าจะมาเรียนที่นี่ดีมั้ย ก็คือปรึกษารุ่นพี่สุดท้ายก็มาเรียนที่นี่ค่ะ
สังคมเพื่อนก็โอเคเลยค่ะ คือจ๋าเนี่ยมีเพื่อนตั้งแต่ค่ายนิเทศฯ แล้วค่ะ ก็คือเพื่อนที่เป็นทรานส์นางได้เป็นดาวเหมือนจ๋า คือจ๋าได้เป็นดาวคณะใช่มั้ยคะ แล้วจ๋าก็มีเพื่อนคนนึงที่ได้เป็นดาวจำแลงคณะนั่นก็คือ ริน นั่นเองนะคะ ก็คือจ๋าเจอรินมาตั้งแต่เข้าค่ายแล้ว มีการพูดคุยกันว่า จบ ม.6 จะต่อไหน ก็คุยกันสรุปนัดกันมาต่อ ม.ศรีปทุม ก็มาเรียนด้วยกันก็เป็นเพื่อนกันค่ะ ส่วนถ้าพูดถึงเพื่อนคนอื่นก็น่ารักค่ะเพื่อนๆ น่ารักทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือการเรียน คือเพื่อนจะคอยตามงานให้เราคอยซัพพอร์ตเราตลอด เพราะเพื่อนเข้าใจว่าเราเรียนไปทำงานไปนะ มีเพื่อนดีมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ แล้วก็จะขาดไม่ได้อีกคนนึงเลยคือ เกมส์ ที่เป็นเดือนคณะนั่นเองค่ะ คนนี้ก็จะคอยซัพพอร์ตจ๋าเหมือนกันเพราะว่าเราเข้าใจกัน เราทำงานไปเรียนไปเหมือนกัน เราเหมือนหัวอกเดียวกัน ก็จะคอยช่วยเหลือกันตลอด แล้วก็จะคอยคุยกันตลอดว่ามีคิวงานวันไหนบ้าง ก็จะผลัดกันตามงานให้ค่ะ
ม. เป็นยังไงบ้าง แล้วเดินทางมาเรียนสะดวกไหม?
พูดเลยว่าบรรยากาศในมหาวิทยาลัยครึกครื้นมากโดยเฉพาะโรงเย็น (โรงอาหาร) คือคนเยอะตลอดเวลา แล้วก็ในมหาวิทยาลัยเนี่ยคือคนจะเดินตลอดเพราะว่าด้วยความที่เราต้องเดินเรียน ต้องย้ายตึก แล้วคือจ๋าเป็นคนที่แบบชอบเข้าสังคมอยู่แล้ว ชอบการที่ได้เจอคนเยอะๆ ชอบพูดคุยกันค่ะ คือแฮปปี้เพราะว่าเหมือนเราเป็นคนอเลิร์ทเวลาเราเจอใครถึงแม้ว่าเราใส่แมสก์แต่เราก็จะยิ้มให้ทุกคน คือตาเราจะยิ้มไปก่อนเลย ซึ่งทุกคนที่น่ารักทุกคนก็ยิ้มกลับให้จ๋าทุกคนเลย ไม่รู้เป็นเพราะเห็นว่าเราอัธยาศัยดีหรือเห็นว่าเราสวย (หัวเราะ)
การเดินทางก็ตอนที่จ๋าเข้ามาเป็นเฟรชชี่ใหม่ๆ ก็คือคุณพ่อมาส่งค่ะ จ๋าเลือกเรียนที่ศรีปทุมเพราะว่าใกล้บ้านด้วย เดินทางสะดวก คุณพ่อมารับมาส่งได้ พอเรียนมาได้เทอมนึงจ๋าก็ซื้อรถค่ะ ทุกวันนี้ก็คือขับรถมามหาวิทยาลัย ก็ค่อนข้างสะดวกดีค่ะ เหมือนของเราก็คือจากบ้านมามหาวิทยาลัยเลย แต่ว่ามันอาจจะติดเรื่องการจราจรนิดนึงบางวันอาจจะรถติดค่ะ แต่ว่าถ้าให้พูดถึงโดยรวมคือค่อนข้างสะดวกเพราะมีรถไฟฟ้าหน้ามหาวิทยาลัยเลยค่ะ บางทีจ๋าก็จอดรถไว้มหาวิทยาลัยเพื่อนั่งรถไฟฟ้าไปเที่ยวต่อก็มีค่ะ
..แต่งชุดไปเรียนแบบไหนได้บ้าง?
ชุดนักศึกษาที่ได้ใส่บ่อยๆ เลยก็เป็นช่วงประกวด Brand Ambassador ค่ะ เพราะว่าต้องใส่ชุดนักศึกษามาซ้อมค่ะ ด้วยความที่สาขาของจ๋าเนี่ยเป็นสาขาสื่อสารการแสดงเรื่องชุดการแต่งตัวก็จะไม่บังคับว่าต้องใส่ชุดนักศึกษามาเรียนทุกวันนะ บางวันมีเรียนปฏิบัติเราก็อาจจะใส่เป็นชุดไปรเวทมา เป็นชุดที่ค่อนข้างสะดวกในการเรียน แต่ส่วนตัวจ๋าจะชอบใส่ชุดนักศึกษาเพราะว่าจะเป็นคนที่ชอบแต่งตัว เราก็จะมาแต่งตัวกับชุดนักศึกษาแทน แต่งมาเป็นแฟชั่นชุดนักศึกษาประมาณนี้ค่ะ ด้วยความที่มหาวิทยาลัยเราเป็นเอกชนด้วยก็เลยสามารถฟรีสไตล์ได้เลยค่ะ
ความประทับใจในช่วง Freshy
สิ่งที่สนใจเป็นพิเศษเลยตอนนั้นที่จ๋ามองคือเรื่องกิจกรรมค่ะ เพราะว่าที่นี่กิจกรรมค่อนข้างเยอะ แล้วก็ด้วยความเป็นนิเทศศาสตร์ก็จะทำอะไรสุด มีความเล่นใหญ่ตลอด ซึ่งเราเป็นคนที่ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว
อุปสรรคและความท้าทาย
ตั้งแต่ตอนที่มหาวิทยาลัยยังไม่ปิดจนมหาวิทยาลัยปิดก็ยังเจออุปสรรคค่ะ ก็คืออุปสรรคในเรื่องการเรียน เพราะด้วยความที่จ๋าเนี่ยทำงานไปเรียนไป เราก็อาจจะเข้าเรียนได้ไม่ตรงเวลาหรืออาจจะไม่ครบทุกวิชาค่ะ อันนี้มันก็อยู่ที่ความรับผิดชอบของเราด้วย ว่าเราจะจัดสรรเวลายังไงให้มันดี แต่ว่าก็ยังดีที่คอยมีเพื่อนที่ซัพพอร์ตค่ะ
คือจ๋าก็พูดไม่ได้หรอกในตอนนี้ว่ามันจะหายไปหรือว่ามันจะกลับมาอีก ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือ ทำให้มันดีที่สุด เรียนให้ดีที่สุด ทำงานให้ดีที่สุด รับผิดชอบตัวเองให้ดีที่สุด คือเราไม่สามารถไปกำหนดได้ว่ามหาวิทยาลัยจะเปิดเวลานี้นะ เปิดตอนนี้นะ โควิดจะหายไปช่วงนี้นะ คือเราไม่สามารถรู้อะไรได้เลย สิ่งที่เราทำได้คืออยู่ที่ตัวเราเองทั้งนั้น ก็คือเราต้องจัดการเวลาให้เป็น แล้วก็รับผิดชอบตัวเองกันไปก่อน
ฝากถึงน้องที่สนใจในคณะนิเทศศาสตร์
ก็สำหรับคนที่สนใจนะคะ มาถูกทางแล้วค่ะ ถ้าชอบอะไรไปให้สุด คืออย่าไปมองถึงขนาดที่ว่ากลัวจบไปไม่มีงานทำ จบไปมันมีงานทำแน่ แต่มันอยู่ที่ว่าเราจะทำจะชอบอะไรค่ะ ตอนนี้เราอาจจะไม่รู้ว่าเราอยากเป็นอะไรในอนาคต มาเรียนก่อน มาศึกษา มาเปิดใจ เก็บประสบการณ์ให้ได้เยอะที่สุด แล้วสุดท้ายเราค่อยตัดสินใจว่าเราควรจะไปทางไหนค่ะ ก็ฝากถึงน้องๆ ทุกคนว่าตั้งใจทำวันนี้ให้มันดีที่สุด เลือกสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่ต้องสนใจว่าคนรอบข้างจะคิดยังไง เราทำในสิ่งที่เรารัก แค่นี้ก็โอเคแล้วค่ะ หรือน้องๆ สามารถติดตามพี่ได้เพิ่มเติมที่ IG : jinjutha_jajaa นะคะ