คนเราทุกคนมีเป้าหมายในชีวิต แต่การจะทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ แต่ละคนต่างมีวิธีการ ความพยายามและวิธีคิดที่แตกต่างกัน วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ
– พี่ตาว- นายกิติศักดิ์ พึ่งฉ่ำ
อีกหนึ่งศิษย์เก่าคนเก่งแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ที่จะมาเปิดมุมมองความคิด และเส้นทางสู่เป้าหมายให้น้องๆ ได้นำไปปรับใช้กับตัวเอง ในฐานะของผู้ทำคะแนนทดสอบความรู้ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ระดับภาคีวิศวกร ได้คะแนนสอบสูงสุดอันดับที่ 1 ประจำเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา
สิ่งที่จุดประกายสู่การเรียนวิศวกรรม
เราก็เป็นเด็กทั่วไปคนหนึ่งที่ยังไม่รู้ความต้องการของตัวเอง ไม่รู้ว่าเรามีเป้าหมายอะไรด้วยซ้ำ อยากเรียนอะไร อยากเป็นอะไร ก็ยังตอบไม่ได้เลยครับ แต่มีอยู่วันหนึ่งเราได้เปิดไปดูรายการ “กบนอกกะลา” ที่นำเสนอมุมมองการสร้างสิ่งต่างๆ โดยแทบทุกอย่างที่สร้างล้วนต้องใช้ไฟฟ้า เราจึงเกิดความสงสัยและเกิดคำถามในใจว่า ไฟฟ้ามาจากไหน? ต้องมีกระบวนการวิธีการอย่างไรถึงทำให้เกิดไฟฟ้า? แต่เมื่อเกิดความสงสัย จึงเกิดความมุ่งมั่นว่าเราต้องหาคำตอบเพื่อตอบคำถามข้อนี้ให้ได้ สิ่งนี้เลยเป็นสิ่งที่จุดประกายการเข้ามาเรียนด้านวิศวกรรมควบคุมครับ
เส้นทางสู่ความสำเร็จ……
หากถามเส้นทางสู้เป้าหมาย อย่างแรกเลยต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง จัดสรรตารางเวลาของตนเองให้ดี แบ่งเวลาเรียน เวลาอ่านหนังสือ เช่นวิธีการของพี่คือตั้งใจเรียนในห้อง จัดตารางเวลาการอ่านหนังสือและเราต้องมีระเบียบ ทำตามตารางอย่างเคร่งครัด และอย่าลืมที่จะหาเวลาพักผ่อนร่างกายและสมอง การออกไปทำกิจกรรมต่างๆ บ้างเพื่อผ่อนคลาย พี่คิดว่าเป็นสิ่งสำคัญนะ เสมือนเป็นการพักและเติมพลังเพื่อกลับมาสู้ต่อ
“…ใช้ชีวิตให้เต็มที่ รู้หน้าที่ของตนเอง … ขยัน …
…..และพยายามเพื่อทำเป้าหมายให้สำเร็จ”
การเรียนวิศวกรรมจะทำให้ รู้จักวางแผน รู้จักวิเคราะห์ ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นสิ่งสำคัญของการเป็นวิศวกร แต่สิ่งที่ได้จากการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยศรีปทุมที่สำคัญ คือเรื่องบุคลิกภาพในการทำงาน เมื่อออกไปทำงานในองค์กรไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก บุคลิกภาพเป็นส่วนสำคัญเหมือนเป็นประตูด่านแรกที่องค์กรจะพิจารณาก่อนจะตัดสินใจรับเราเข้าทำงาน เพราะบุคลิกภาพจะสะท้อนให้เห็นถึงตัวตนของเราว่าเราเป็นคนอย่างไร ใส่ใจในรายละเอียดไหม น่าเชื่อถือหรือไม่
มีเวลาเตรียมตัวประมาณ 2 เดือนกว่าๆ พี่ก็เริ่มอ่านตั้งแต่เรียนจบ โดยแบ่งอ่านวันละ 4 วิชา อ่านได้ 200 ข้อ ก็พักสักครึ่งชั่วโมง โดยแบ่งเป็นเรื่องความจำกับเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ เรื่องไหนที่ใช้ความจำก็อาศัยอ่านบ่อยๆ ส่วนเรื่องที่ทำความเข้าใจก็จะแสดงวิธีคิดคำตอบ พอใกล้สอบอาทิตย์นึงก็เอาที่แสดงวิธีทำกลับมาทบทวนอีกครั้ง อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้เคร่งเครียดถึงขนาดต้องอ่านทุกวัน บางวันก็ออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆบ้างเพื่อผ่อนคลาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องวางแผนและทำตามแผน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีตลอดแต่เรียนดีได้ครับ
วางแผนอนาคตอย่างไรบ้างคะ
ตอนนี้พี่ก็กำลังรวบรวมผลงานทำเป็น Portfolio เพื่อยื่นสมัคร ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ บีทีเอส นั้นละครับ เพราะคิดว่าถ้าทำงานในส่วนนี้ในอนาคตคาดว่าจะเติบโตได้ดีครับ พี่คิดว่าไม่ว่าจะทำอะไรคนเราต้องรู้จักวางแผนครับเพื่อที่ตัวเราจะได้รู้เป้าหมายที่ชัดเจน และที่สำคัญจะทำให้เรารู้ว่าตัวเองจะก้าวไปข้างหน้าในทิศทางไหน ส่วนในเรื่องอื่นๆ ในอนาคตเรายังไม่ได้คิดครับ อยู่กับปัจจุบันอย่างมีความสุขและทำให้เต็มที่ก็พอครับ
พี่อยากฝากประโยคที่เป็นเชื้อเพลิงให้น้องที่มีไฟทุกคนว่า…
ใช้ชีวิตให้เต็มที่ครับ เที่ยวเล่นบ้าง แต่เมื่อถึงเวลาเรียนเราก็ต้องเต็มที่นะ ตั้งใจกับการเรียนและรู้จักวางแผนอนาคตไว้บ้าง เพื่อที่ตัวเราจะได้รู้ทิศทางของชีวิตว่าเราควรก้าวขาออกไปทางไหน จัดตารางชีวิตดีๆ รู้หน้าที่ของตัวเองว่าต้องทำอะไร พี่เชื่อว่า “หากเราพยายามและทุ่มเทให้มันเต็มที่สำเร็จแน่นอนครับ ความพยายามและตั้งใจไม่เคยทำร้ายใคร”