ป้อง ปรมัตถ์ มาศคีรีวงศ์
“ปัญหา และ อุปสรรค ก็เหมือนเม็ดทราย ถึงจะมีเยอะแยะมากมาย แต่เม็ดทรายก็เล็กนิดเดียว”
HaPPy NeW YeAr 2020 เผลอแป๊ปๆ ก็สิ้นสุดปี 2019 กันไปแล้ว แถมอากาศเย็นก็พัดผ่านเราไปอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ไม่หายไปแน่ๆ ในปีใหม่นี้ นั้นก็คือ…..แอดมินคนดีคนเดิม ที่ยังคงออกตระเวนเสาะหาเหล่าช้างเผือก รุ่นพี่ รุ่นน้อง ที่มีความโดดเด่นมาให้ทุกๆคน ได้รู้จักเช่นเดิม
เริ่มต้นปีนี้กันด้วย น้องป้อง ปรมัตถ์ มาศคีรีวงศ์ หนุ่มหล่อมาดเข้มจาก วิทยาลัยการบินและคมนาคม ปี 2 ดีกรี นักกีฬาฟุตบอลชายหาดทีมชาติ กันเลยดีกว่าค่าา.
น้องป้อง : สวัสดีครับ ผม ป้อง ปรมัตถ์ มาศคีรีวงศ์ เป็นคน จ.สงขลา ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่ วิทยาลัยการบินและคมนาคม ปี 2 มหาวิทยาลัยศรีปทุม ควบคู่ไปกับการเป็นนักกีฬาฟุตบอลชายหาดทีมชาติไทย ฟังดูแล้วอาจไม่เชื่อ แต่มันคือเรื่องจริงครับ (หัวเราะ)
ชีวิตผมส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับตารางซ้อม ตื่นเช้า ทานข้าว ออกกำลังกาย ไปเรียน กลับมาซ้อม จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่า จากเด็กที่เล่นฟุตบอลไปวันๆ จะวิ่งตามความฝันจนก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ ยอมรับเลยว่า ภูมิใจมากๆ ที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่มีความสุข
เริ่มจากหลงรักในฟุตบอล
รู้ตัวอีกทีก็ทิ้งความฝันนี้ไม่ได้แล้ว
น้องป้อง : ย้อนกลับไปตอนอายุ 10 ขวบ ผมจำได้ว่า ตัวเองยังเป็นแค่เด็กผู้ชายที่วิ่งเล่นฟุตบอลไปวันๆ สนามหญ้าจริง หญ้าเทียม สนามปูน เล่นหมด เอาทุกทาง พอโตขึ้นก็มีโอกาสเข้ามาคัดตัวตามโรงเรียนดังๆ ในกรุงเทพมหานคร จนได้เข้าสโมสรฟุตบอลการท่าเรือ ตอน ม.5 และเข้าเรียนที่โรงเรียนปทุมคงคา พอ ม.6 ก็ย้ายไปอยู่สโมสรฟุตบอลอาร์มี่ ยูไนเต็ด และย้ายไปอยู่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี เรียกว่าย้ายทุกปีเลยก็ว่าได้ครับ
แต่ช่วงที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ผมซ้อมหนักจนได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า ทำให้ต้องรับการรักษาต่อเนื่อง เลยหยุดเล่นฟุตบอลไปประมาณเกือบ 1 ปีเต็ม ตอนนั้นคิดว่า กลับมาตั้งหน้าตั้งตาเรียนดีกว่า ร่างกายไม่น่าจะไหวแล้ว จนมีพี่ในทีมที่เล่นฟุตบอลชายหาดอยู่ก่อนมาชวนไปเตะเล่นๆ เป็นการออกกำลังกาย บวกกับคุณหมอก็แนะนำว่าให้พยายามทำกายภาพบำบัดกับทราย เช่น เดินบนทราย วิ่งบนทราย ทำกิจกรรมบนทราย มันจะช่วยสมานอาการได้เร็วขึ้น เลยลองกลับไปเล่นไปซ้อมดู นี่นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรู้จักกีฬาที่ชื่อว่า ฟุตบอลชายหาด
การเป็นทีมชาติ ไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ไม่ยากเกินความพยายาม
น้องป้อง : ด้วยความที่เรารักฟุตบอลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมีโอกาสได้เข้าไปลอง ก็ยิ่งชอบมันง่ายๆ แถมไม่มีผลข้างเคียงเยอะมากกับอาการบาดเจ็บ จนซ้อมได้ประมาณเดือนกว่าๆ การแข่งขันลีกของฟุตบอลชายหาดก็เปิดพอดี พี่เขาก็เลยให้ไปลองเล่นดู คิดในใจว่า ลองอีกสักครั้ง ถ้าเกิดไม่ไหวก็ไม่ไหว แต่พอจบลีกรอบนี้ ก็มีโค้ชจากทีมชาติติดต่อมาให้ไปฝึกซ้อม เพราะมีชื่อติดทีมชาติ ซึ่งโค้ชเขาไปดูผลงานในลีก ใครมีแววก็จะเรียกเข้ามาซ้อมเพื่อที่จะคัดตัว
วันที่ประกาศรายชื่อคนที่ติดทีมชาติ ชื่อผมเป็นคนสุดท้าย ตอนนั้นดีใจมาก เหมือนฝัน ถามตัวเองซ้ำๆ ติดแล้วหรอ เราติดแล้วหรอ เพราะวันนั้นผมเองก็วิ่งทำเวลาได้ไม่ดี มันกดดัน เครียด กลัวไม่ติด ในหัวคือคิดแต่ว่า เราเพิ่งมาเล่นปีแรก จะสู้พี่ๆ ที่เขาเล่นกันมา 7-8 ปี ได้ไหม
“นักฟุตบอลทุกคน มีฝันเดียวกันคือ ต้องเป็นทีมชาติให้ได้ ตอนนั้นที่ได้รับบาดเจ็บยอมรับว่าเสียใจเหมือนกัน คิดว่าคงไม่ได้เตะแล้ว เลยหันมาตั้งใจเรียน คุณพ่อคุณแม่ก็ให้กำลังใจ บอกให้เราลองมาตั้งใจเรียนดู เพราะก่อนหน้านี้คิดไว้ว่า จะเอาดีทางฟุตบอลเลย จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เรียนอะไรก็ได้ แล้วเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่พอเกิดอาการบาดเจ็บก็เลยคิดได้ว่า มันเตะฟุตบอลอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องเรียนด้วย เพราะนักกีฬาหากได้รับบาดเจ็บ การจะกลับมาเล่นได้เต็มที่เหมือนเดิมมันอยู่ที่โอกาส บางทีดวงอาจจะไม่ได้ดีซะทุกครั้ง หากเรากลับมาเล่นเป็นนักกีฬาอาชีพไม่ได้ อย่างน้อยๆก็ต้องมีความรู้ไว้ประกอบอาชีพอื่นๆได้ด้วย”
ทำไมถึงจึงเลือก วิทยาลัยการบินและคมนาคม ที่ ศรีปทุม?
น้องป้อง : ผมสมัครที่นี่ตั้งแต่ ม.6 จริงๆ ผมได้โควต้าจาก จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ แต่คณะที่ได้ผมไม่ชอบ และตอนนั้นมีอาการบาดเจ็บด้วย ก็เลยคุยกับพ่อแม่ว่า จะไปทางไหนดี ถ้าเกิดเลือกคณะที่เราได้โควต้า เรายังต้องไปใช้ทุนเขา ทำผลงานให้เขา ร่างกายเราจะไม่ไหวเอา
คุณพ่อเลยบอกให้เลือกที่ชอบ ที่คิดว่าเราชอบงานด้านนี้จริงๆ และเรียนได้ ผมเลยหาข้อมูลเกี่ยวกับงานด้านการบิน แลพอดีกับที่ตอนนั้นมีพี่ๆ เขาไปแนะแนวที่โรงเรียนพอดี พอจบก็โทรหาพ่อทันที พ่อก็ให้เวลาคิด 1 อาทิตย์ พอตัดสินใจได้ ก็อ้อนพ่อจนสำเร็จ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่คิดที่จะเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนเลย เพราะกลัวว่าจะมีแต่สังคมคนรวย ทุกคนต้องแต่งตัวมาโชว์กัน แต่พอได้เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม รู้สึกว่าเลือกไม่ผิดจริงๆ ก่อนหน้านี้ทำไมเราไม่รู้ว่ามันมีดีเยอะขนาดนี้
“ผมชื่นชอบด้านการบิน ชื่นชอบการทำงานทุกอย่างที่เกี่ยวกับการบิน มันดูปลอดภัยไปหมดเลย แต่ส่วนตัวไม่มีความรู้อะไรเลย พอได้เข้ามาเรียน ทุกอย่างที่เคยสงสัยก็เหมือนได้รับคำตอบ ทุกอย่างถูกเฉลยที่นี่กลายเป็นว่า ภาพที่เราเข้าไปในสนามบินหลังจากเรียนที่นี่มันเปลี่ยนไปหมด จากเข้าไปด้วยความสงสัย ทำไมเป็นแบบนี้ มันเหมือนได้เฉลยหมดเลยครับ”
ฟุตบอล กับ การบิน
วางอนาคตไว้อย่างไร
น้องป้อง : ผมไม่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมจะทำควบคู่กันไปให้ดีที่สุด ผมอยากบอกน้องๆ ทุกคนว่า การมีระเบียบวินัย การดูแลตัวเอง และ การคิดบวก เป็นสิ่งที่จะทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น หากเรามีความรับผิดชอบมากกว่าคนอื่น ย่อมเหนื่อยกว่าคนอื่น เราจะได้ผลตอบรับมากกว่าคนอื่นแน่นอน (ใช้คำนี้เป็น Quate ขึ้น Banner )
สำหรับน้องๆ ที่รักการเล่นกีฬา พี่อยากบอกว่า เราต้องแบ่งเวลาให้เป็น เพราะเรื่องเรียนก็สำคัญ เราไม่สามารถเล่นกีฬาไปตลอดชีวิตได้ แต่ความรู้ที่เรามีติดตัวจะทำให้เราประสบความสำเร็จ ดังนั้น เรื่องเรียนต้องมาก่อน กีฬามันเสริมได้ ต่อไปหน้าที่การงานของเราจะบ่งบอกได้จากการเรียน