คณะศิลปศาสตร์

เทรนด์อาชีพและโอกาสทางธุรกิจหลังจบหลักสูตร 2+2 ไทย-จีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

เปิดประตูสู่โลกกว้าง! เทรนด์อาชีพและโอกาสธุรกิจสุดปัง หลังจบหลักสูตร 2+2 ไทย-จีน ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม

เปิดประตูสู่โลกกว้าง! เทรนด์อาชีพและโอกาสธุรกิจสุดปัง หลังจบหลักสูตร 2+2 ไทย-จีน ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม

สวัสดีค่ะ น้องๆ หรือเพื่อนๆ ที่กำลังเรียนหลักสูตร 2+2 ไทย-จีน หรือกำลังตัดสินใจจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม

พี่บอกเลยว่านี่คือโอกาสที่เข้ามาและเราต้องคว้ามันเอาไว้  วันนี้เราจะมาคุยกันแบบเปิดอก ไม่มีกั๊ก ว่าการที่น้องๆ

ได้ใช้ชีวิต 2 ปีในไทย และอีก 2 ปี ที่ประเทศจีน มันให้สกิลติดตัวอะไรให้น้องๆ บ้างและจะแปลงสกิลเหล่านั้นให้เป็นเงิน

เป็นทอง และเป็นความก้าวหน้าในชีวิตได้ยังไงบ้าง มาดูกันเลย!

หลายคนอาจจะคิดว่าจบหลักสูตรนี้ก็ได้แค่ “ภาษาจีน” แต่พี่จะบอกให้ว่าน้องคิดผิด! สิ่งที่น้องๆ ได้มามันล้ำลึกกว่านั้นเยอะ

มันคือ “ความเข้าใจเชิงลึก” ทั้งสองวัฒนธรรม น้องจะไม่ได้แค่แปลภาษาได้ แต่จะอ่านเกมออก น้องจะรู้ว่าคนไทยชอบอะไร

คนจีนคิดแบบไหน ทำไมดีลธุรกิจนี้ถึงต้องคุยกับคนนี้ก่อน นี่แหละค่ะคือแต้มต่อที่ประเมินค่าไม่ได้

เปิดประตูสู่โลกกว้าง! เทรนด์อาชีพและโอกาสธุรกิจสุดปัง หลังจบหลักสูตร 2+2 ไทย-จีน ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม

ไม่ใช่แค่พูดจีนได้ แต่ ‘คิด’ แบบจีนเป็น! สกิลสุดยอด

ของบัณฑิต 2+2 คณะศิลปศาสตร์

ก่อนจะไปดูว่าทำงานอะไรได้บ้าง เรามาดูกันก่อนว่า “คุณค่า” ในตัวน้องที่นายจ้างและคู่ค้าชาวจีนยอมจ่ายแพงๆ

เพื่อให้ได้ตัวมา คืออะไร:

  • ทักษะภาษาจีนระดับเทพ (Business Fluent): ไม่ใช่แค่สั่งชานมไข่มุก แต่น้องสามารถประชุม, ต่อรองราคา, นำเสนองาน, หรือแม้กระทั่งเม้าท์มอยสร้างสัมพันธ์ (Guanxi) เป็นภาษาจีนได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • ความเข้าใจวัฒนธรรมเชิงลึก (Cultural Intelligence): น้องรู้ว่าทำไมการกินข้าวกับคนจีนถึงสำคัญกว่าการประชุมในห้องสี่เหลี่ยม คุณเข้าใจว่า “หน้าตา” (面子) มีผลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจยังไง เรื่องพวกนี้ไม่มีสอนในตำรา แต่น้องได้มาจากการใช้ชีวิตจริง 2 ปีเต็มที่นั่น!
  • Connection สองแผ่นดิน: น้องมีเพื่อนคนไทย และก็มีเพื่อนคนจีน มีอาจารย์ทั้งสองฝั่ง นี่คือเครือข่ายเริ่มต้นที่แข็งแกร่งมากสำหรับการทำงานและทำธุรกิจในอนาคต
  • มุมมองแบบ Global Citizen: น้องไม่ได้มองโลกจากมุมของประเทศไทยอย่างเดียวอีกต่อไป น้องจะมองเห็นภาพใหญ่ของเศรษฐกิจ การค้า และความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจในภูมิภาคนี้

สายงานไหนรุ่ง? ส่องเทรนด์อาชีพสุดฮอตสำหรับบัณฑิต 2+2 ไทย-จีน

เอาล่ะ! มาถึงเนื้อหาที่ทุกคนรอคอยกันแล้ว จบมาแล้วจะไปอยู่ตรงไหนของสมการเศรษฐกิจไทย-จีนดี? พี่แบ่งเป็นกลุ่มๆ ให้เห็นภาพชัดๆ เลยค่ะ

1. สาย E-commerce และ Digital Marketing (เจ้าแห่งสมรภูมิออนไลน์)

นี่คือสายงานที่มาแรงที่สุดและต้องการคนแบบคุณเข้าขั้น “ขาดแคลน” ครับ! การค้าขายออนไลน์ระหว่างไทย-จีน (Cross-Border E-commerce) คือมหาสมุทรสีครามที่ใหญ่มากๆ

  • ตำแหน่ง: China E-commerce Specialist, Live Streamer (ไลฟ์สดขายของ), ผู้จัดการฝ่ายการตลาดจีน, Digital Marketer (ดูแลแพลตฟอร์มจีน)
  • ทำอะไรบ้าง?:
    • วางแผนนำสินค้าไทยไปขายบนแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Tmall, Taobao, JD.com, Pinduoduo
    • ทำคอนเทนต์การตลาดบนโซเชียลมีเดียจีน เช่น Weibo, Douyin (TikTok จีน), Xiaohongshu (RED)
    • เป็นคนกลางประสานงานกับ KOL/KOC (Influencer) จีนเพื่อรีวิวสินค้าไทย
    • วิเคราะห์ข้อมูลตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีน เพื่อนำมาปรับปรุงสินค้าและบริการ
  • ทำไมเราถึงเหมาะ?: เพราะเราเข้าใจว่าคนจีนชอบโปรโมชั่นแบบไหน คอนเทนต์แบบไหนถึงจะ “ไวรัล” ใน Douyin และรู้ว่าต้องสื่อสารยังไงให้แบรนด์ไทยเข้าไปนั่งในใจลูกค้าชาวจีนได้ ไม่ใช่แค่การแปลภาษาตรงๆ ทื่อๆ
  • ฐานที่มั่น: บริษัทไทยที่ต้องการส่งออกไปจีน, บริษัทจีนที่มาตั้งสาขาในกรุงเทพฯ, เอเจนซี่การตลาดออนไลน์ที่โฟกัสตลาดจีน

2. สายธุรกิจระหว่างประเทศและการค้า (Import-Export)

สายคลาสสิกที่ไม่มีวันตาย แต่ทวีความสำคัญขึ้นทุกวัน เพราะจีนคือคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย!

  • ตำแหน่ง: เจ้าหน้าที่จัดซื้อต่างประเทศ (Sourcing/Purchasing), ผู้จัดการฝ่ายนำเข้า-ส่งออก, Business Development Manager (ดูแลคู่ค้าจีน), International Sales
  • ทำอะไรบ้าง?:
    • ฝั่งนำเข้า: ค้นหาโรงงานในจีน (เช่น ที่กวางโจว, เซินเจิ้น, อี้อู) เพื่อสั่งผลิตสินค้า, ต่อรองราคาและเงื่อนไข, ควบคุมคุณภาพ (QC), ดูแลเรื่องเอกสารและโลจิสติกส์ทั้งหมดจนของมาถึงไทย
    • ฝั่งส่งออก: หาผู้ซื้อหรือตัวแทนจำหน่ายในจีนสำหรับสินค้าไทย (เช่น ผลไม้, เครื่องสำอาง, สินค้าสปา), เจรจาการค้า, จัดการเรื่องการส่งออกและเอกสารที่เกี่ยวข้อง
  • ทำไมเราถึงเหมาะ?: น้องสามารถบินไปคุยกับโรงงานที่จีนได้ด้วยตัวเอง สร้างความเชื่อใจได้ดีกว่าการคุยผ่านอีเมล คุณเข้าใจวัฒนธรรมการต่อรองแบบจีนที่อาจจะไม่ตรงไปตรงมาเหมือนฝรั่ง และสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็ว
  • ฐานที่มั่น: บริษัทนำเข้าส่งออกทุกขนาด, บริษัทในนิคมอุตสาหกรรม (เช่น ระยอง, ชลบุรี), แผนกจัดซื้อของบริษัทใหญ่ๆ

3. สายการท่องเที่ยวและการบริการ (ฟื้นชีพอย่างยิ่งใหญ่)

หลังโควิด นักท่องเที่ยวจีนกลับมาแล้ว และพวกเขามองหาประสบการณ์ที่แตกต่างและลึกซึ้งกว่าเดิม คนที่เข้าใจทั้งสองวัฒนธรรมคือ Key Success Factor ของธุรกิจนี้

  • ตำแหน่ง: ผู้จัดการโรงแรม (ดูแลแขก VIP จีน), ผู้จัดการฝ่ายการตลาด (เจาะตลาดทัวร์จีนคุณภาพ), MICE Coordinator (จัดประชุม-สัมมนาให้บริษัทจีน), เจ้าหน้าที่ในธุรกิจ Medical Tourism
  • ทำอะไรบ้าง?:
    • ออกแบบแพ็คเกจท่องเที่ยวที่ “โดนใจ” นักท่องเที่ยวจีนยุคใหม่ ที่ไม่ได้ต้องการแค่ทัวร์ชะโงก
    • บริหารจัดการโรงแรมหรือรีสอร์ทเพื่อมอบบริการที่น่าประทับใจ เข้าใจความต้องการเล็กๆ น้อยๆ ของแขกชาวจีน (เช่น ต้องมีน้ำร้อนในห้อง)
    • ประสานงานกับโรงพยาบาลชั้นนำในกรุงเทพฯ หรือภูเก็ต เพื่อดึงดูดลูกค้าชาวจีนที่ต้องการมาใช้บริการทางการแพทย์ในไทย
  • ทำไมเราถึงเหมาะ?: น้องสามารถสร้างสะพานเชื่อมระหว่าง “Service Mind” แบบไทยๆ กับ “ความคาดหวัง” ของลูกค้าชาวจีนได้อย่างลงตัว ลดปัญหาความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน และสร้างลูกค้าประจำได้
  • ฐานที่มั่น: โรงแรม 5 ดาว, บริษัททัวร์, โรงพยาบาลเอกชน, บริษัทจัดอีเวนต์ ในเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างกรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, พัทยา

4. สายเทคโนโลยี นวัตกรรม และการลงทุน

เทรนด์ที่กำลังมาแรงแบบฉุดไม่อยู่! บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนกำลังบุกตลาดไทยอย่างหนัก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Fintech

  • ตำแหน่ง: Project Coordinator, Business Analyst, Marketing Executive, HR (สรรหาบุคลากรที่พูดได้สองภาษา)
  • ทำอะไรบ้าง?:
    • ทำงานในบริษัทรถยนต์ EV จีนที่มาตั้งฐานการผลิตในไทย เช่น BYD, GWM, NETA
    • เป็นคนกลางประสานงานระหว่างทีมวิศวกรคนไทยกับผู้บริหารชาวจีน
    • ทำงานในบริษัทเทคโนโลยีจีนอื่นๆ เช่น Huawei, Tencent (Thailand), Alibaba
    • ช่วยบริษัท Startup ไทยในการหาพาร์ทเนอร์หรือนักลงทุนจากจีน
  • ทำไมคุณถึงเหมาะ?: โลกเทคโนโลยีหมุนเร็วมาก การสื่อสารที่ชัดเจนและรวดเร็วคือหัวใจ คุณคือคนที่ทำให้คนสองชาติที่ทำงานด้วยกันเข้าใจตรงกัน และผลักดันโปรเจกต์ให้เดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น
  • ฐานที่มั่น: บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ, บริษัทในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

เปลี่ยนความรู้เป็น ‘ธุรกิจ’! โอกาสสร้างตัวสำหรับคนหัวการค้า

สำหรับคนที่ไม่ชอบเป็นลูกจ้าง ใครว่าความรู้จาก 2+2 จะเป็นเจ้านายตัวเองไม่ได้? บอกเลยว่านี่คือโอกาสทองในการสร้างธุรกิจของตัวเองครับ!

1. เอเจนซี่ครบวงจรสำหรับตลาดจีน

คุณสามารถตั้งบริษัทของตัวเองเพื่อให้บริการที่บริษัทไทยต้องการแต่ทำเองไม่เป็น เช่น:

  • เอเจนซี่การตลาดจีน: รับทำคอนเทนต์ใน Douyin, Weibo, รับจ้าง KOL จีนรีวิวสินค้า
  • เอเจนซี่จัดหาสินค้า (Sourcing Agent): รับหน้าที่เป็นคนกลางในการหาสินค้าจากโรงงานจีนให้คนไทยที่อยากนำเข้ามาขาย แต่ไม่มีความรู้และภาษา
  • ที่ปรึกษาทางธุรกิจ: ให้คำปรึกษาบริษัทไทยที่อยากไปลงทุนหรือเปิดสาขาที่จีน และในทางกลับกัน

2. ธุรกิจนำเข้า-ส่งออกเฉพาะทาง (Niche Market)

อย่าไปแข่งกับรายใหญ่ แต่ให้หาช่องว่างของตลาด เช่น:

  • นำเข้าสินค้าไลฟ์สไตล์/ของแต่งบ้านดีไซน์เก๋ๆ จากจีนที่ยังไม่มีใครเอาเข้ามา
  • ส่งออกสินค้า OTOP พรีเมียมของไทย หรือผลไม้แปรรูปเจาะตลาดบนในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ หรือปักกิ่ง
  • พรีออเดอร์สินค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง, อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง, หรือโมเดลของเล่นจากจีน

3. Content Creator สองวัฒนธรรม

ถ้าคุณรักการอยู่หน้ากล้อง นี่คือทางของคุณ! สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญไทย-จีน”

  • ทำช่อง YouTube หรือ TikTok รีวิวสินค้าไทยให้คนจีนดูเป็นภาษาจีน
  • ทำช่อง สอนภาษาและวัฒนธรรมไทยให้น่าสนใจสำหรับคนจีน ในแพลตฟอร์ม Douyin หรือ Bilibili
  • เป็น Blogger หรือ Vlogger พาคนจีนเที่ยวไทยในมุมมองใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่วัดพระแก้ว

ทำยังไงให้โดดเด่น? เตรียมตัวให้พร้อมก่อนคว้าโอกาส

โอกาสมันมีอยู่จริง แต่ก็มีการแข่งขันเช่นกันครับ ถ้าอยากเป็นคนที่ถูกเลือกและมีค่าตัวสูงๆ ผมแนะนำให้ทำสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่อยู่ในมหาวิทยาลัย:

  1. สร้าง Portfolio: อย่ารอให้เรียนจบ! ระหว่างเรียนอยู่จีน ลองรับงานแปลเล็กๆ น้อยๆ, ลองช่วยเพื่อนทำธุรกิจพรีออเดอร์, ลองทำเพจหรือช่องของตัวเอง สิ่งเหล่านี้คือประสบการณ์จริงที่ใช้โชว์ในเรซูเม่ได้
  2. ฝึกงานให้ตรงสาย: พยายามหาที่ฝึกงานในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับจีนโดยตรง จะได้เห็นภาพการทำงานจริงและสร้างคอนเนคชั่นไว้ก่อน
  3. หมั่นอัปเดตเทรนด์: โลกของจีนเปลี่ยนเร็วมาก! ตามข่าวสาร, ตามเทรนด์ในโซเชียลมีเดียจีนอยู่เสมอ จะทำให้คุณคุยกับเขารู้เรื่องและดูเป็นมืออาชีพ
  4. หาความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง (Specialize): นอกจากภาษาแล้ว คุณเก่งด้านไหนเป็นพิเศษ? การตลาด? โลจิสติกส์? หรือเทคโนโลยี? การมีความรู้เฉพาะทางบวกกับภาษาจีน จะทำให้คุณกลายเป็น Rare Item ทันที!

เปิดประตูสู่โลกกว้าง! เทรนด์อาชีพและโอกาสธุรกิจสุดปัง หลังจบหลักสูตร 2+2 ไทย-จีน ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม

 

บทสรุปส่งท้าย…

น้องๆ ที่จบหลักสูตร 2+2 ไทย-จีน ไม่ได้มีแค่ใบปริญญา แต่มี “กุญแจ” ดอกสำคัญที่สามารถไขประตูแห่งโอกาส

ได้ทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน โลกของการทำงานและธุรกิจกำลังต้องการคนแบบพวกคุณอย่างมหาศาล

คนที่เป็นสะพานเชื่อมสองแผ่นดินเข้าด้วยกัน ไม่ว่าคุณจะเลือกเดินในเส้นทางพนักงานมืออาชีพ

หรือสร้างอาณาจักรของตัวเองก็ตาม

ประตูมันเปิดรออยู่แล้ว… คำถามคือ คุณพร้อมจะเดินเข้าไปหรือยัง?

 

ศึกษาข้อมูลเพิ่ม ได้ที่ คณะศิลปศาสตร์

(Visited 13 times, 1 visits today)

Related posts

4 เหตุผลที่ควรเรียน สาขาภาษาญี่ปุ่นเพื่อการสื่อสารธุรกิจ SPU

P'Menu SPU

5 อันดับยอดนิยม จบ ปวช. อยากเข้ามหาลัย เรียนคณะไหนดี?

P'Krish

เรียนคณะศิลปศาสตร์ เอก Eng ที่ SPU เจ๋งกว่ายังไง?

P'Menu SPU