Future idea
“ยุคนี้ต้องเก่ง นอกห้องเรียน” วิธีฝึกทักษะให้เป็นมือโปร ก่อน Get to Work!
“ยุคนี้ต้องเก่ง นอกห้องเรียน” วิธีฝึกทักษะให้เป็นมือโปร ก่อน Get to Work!
คอลัมน์นี้มาเจอ 7 คำถาม 3 Agency ที่ได้คำตอบเน้นๆ จากอาจารย์ผู้ก่อตั้ง Agency ทุกท่าน จากทั้ง 3 คณะ บอกเลยว่าข้อดีของการเป็นเด็ก Agency นั้นดีกว่าที่คิดเพราะนอกจากจะมีรายได้ระหว่างเรียนยังได้ทักษะการทำงานจริงที่หาไม่ได้ที่ไหน ใครสนใจอยากลองมาเป็นเด็ก Agency มาอ่านคอลัมน์นี้ให้หายสงสัยกันก่อนได้เลย



Q1 สิ่งที่ SPU ไม่เหมือนใคร?
คิดว่าเป็นเพราะแนวคิด Dynamic University ทำให้เราเตรียมพร้อมปรับตัวเข้ากับความทันสมัยในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วแบบนี้ นาทีนี้เชื่อว่าไม่มีที่ไหนพานักศึกษาวิ่งตามโลกได้เก่งเท่า SPU แล้ว
Q2 ยุคนี้ทำไมต้องเน้นลงมือทำ?
การลงมือทำจะทำให้เราพบกับปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งเรื่องของรูปแบบงาน ความต้องการของลูกค้า และกำหนดเวลา รวมทั้งมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการทำงาน การคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นการฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ เรียกได้ว่าเป็นการเก็บค่าประสบการณ์ให้กับตัวเอง เมื่อเจอปัญหาแบบเดิมอีก เราจะรู้ในทันทีว่าควรทำอย่างไร ซึ่งค่าประสบการณ์เหล่านี้บางอย่างไม่มีสอนในห้องเรียน ต้องได้มาจากการลงมือทำเท่านั้นค่ะ

Q3 มี Agency ในมหาวิทยาลัย ดีกว่ายังไง?
Agency ในมหาวิทยาลัย จะเป็นสนามให้นักศึกษาได้ซ้อมฝีมือและเรียนรู้จากการทำงานจริง สำหรับคณะดิจิทัลมีเดียเรามี Agency ชื่อว่า DClub ค่ะ
Q4 เป้าหมายของ DClub?
เรารู้ว่า สิ่งที่จะทำให้นักศึกษาเก่งไม่ใช่การเรียนภายในห้องเรียนเท่านั้น แต่เด็กๆ จะต้องได้ลงมือปฏิบัติงานจริงๆ ซึ่งจะเป็นการนำความรู้ที่มี มาประยุกต์แก้ปัญหาและดัดแปลงให้เหมาะกับผลงานที่ทำอยู่ เรียกได้ว่ายิ่งใครทำงานเยอะ และทำงานหลากหลายมากเท่าไหร่จะยิ่งเก่งมากขึ้นเท่านั้น คณะดิจิทัลมีเดีย จึงได้ตั้ง DClub ขึ้นมา เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกฝนฝีมือผ่านโจทย์งานจากลูกค้าจริงๆ
Q5 กลุ่มลูกค้าของ DClub คือใคร?
DClub เน้นให้บริการกลุ่มผู้ประกอบการที่อยู่ในช่วงเริ่มธุรกิจ หรือ StartUp เพื่อลดต้นทุนในการพัฒนาสื่อดิจิทัล และสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายผ่าน Digital Platform และ Social Media เป็นประโยชน์ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและนักศึกษา ที่จะร่วมวิเคราะห์จุดเด่นของผลิตภัณฑ์และหาวิธีการสร้างสื่อที่ประหยัด และตรงกลุ่มเป้าหมาย

Q6 ทักษะที่เด็ก DClub จะได้?
นอกเหนือจากตัวเงินที่เด็กๆ จะได้รับจากลูกค้าแล้ว ใครที่ทำงานใน DClub จะได้อัพเลเวลของตัวเองอย่างรวดเร็วด้วย เพราะงานจากลูกค้าไม่เหมือนงานในห้องเรียน ที่ทำงานจบแล้วอาจารย์ให้เกรด แต่ทุกงานที่ทำส่งลูกค้าจะต้องเป็นงานเกรด A+ เท่านั้น ดังนั้นนักศึกษาจะต้องทุ่มเทสุดกำลัง เพื่อมาสร้างผลงานให้เป็นระดับ A+ เมื่อทำงานจบ นักศึกษาจะไม่อยากทำผลงานคุณภาพต่ำอีกเลยเพราะรู้แล้วว่างานดีเป็นยังไง
Q7 ทำไมต้องลองเป็นเด็ก DClub สักครั้ง?
อย่างแรกนักศึกษาที่ทำงานกับ DClub จะมีทั้งเข้าทำงานแบบฝึกงาน และทำงานระดับมืออาชีพ ซึ่งค่าตอบแทนก็จะแตกต่างกัน ในบางกลุ่มเราจะให้ทำงานแล้วให้คะแนนการทำงานเทียบเป็นผลเกรดในบางวิชา อย่างที่สองเด็กๆ จะได้ฝึกฝนการสร้างงานเชิงพาณิชย์มากกว่าการสร้างผลงานตามความพึงพอใจของตน ซึ่งช่วยปรับวิธีคิดก่อนลงสนามจริงค่ะ และสุดท้ายคือการได้ลองทำงานตามความคิดเห็นของลูกค้า และปรับแก้ผลงานตามความต้องการลูกค้าที่ยังไงก็ได้เจอตอนทำงานจริงแน่นอน

Q1 สิ่งที่ SPU ไม่เหมือนใคร?
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เป็นมากกว่าสถานศึกษาทั่วไป ผมเชื่อว่าเรามีความเอาใจใส่ และดูแลนักศึกษาภายในคณะฯ เหมือนคนในครอบครัวเราครับ

Q2 ยุคนี้ทำไมต้องเน้นลงมือทำ?
จากการลงมือทำงานจริง ผ่านผู้ว่าจ้างจริง และได้รายได้จริงๆ จะช่วยให้การเรียนรู้ของนักศึกษามีประสิทธิภาพมากกว่า และช่วยฝึกฝนความรับผิดชอบ เป็นความภาคภูมิใจของนักศึกษาเองด้วยครับ

Q3 มี Agency ในมหาวิทยาลัย ดีกว่ายังไง?
เป็นโยบายจากท่านคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่ต้องการสร้างรายได้เสริมให้กับนักศึกษา ภายใต้ชื่อบริษัทจำลองว่า B-UNIT ครับ
Q4 เป้าหมายของ B-UNIT?
วัตถุประสงค์ที่ก่อตั้ง B-UNIT ขึ้นมา มี 2 ประเด็นหลักๆ คือ
- เพื่อเป็นสื่อกลาง และเป็นพื้นที่ในการหารายได้เสริมให้กับนักศึกษา
- เพื่อสร้างประสบการณ์แก่นักศึกษาในการทำงานจริง

Q5 ทักษะที่เด็ก B-UNIT จะได้?
นักศึกษาที่มาทำงาน นอกจากรายได้เสริมที่จะได้รับกลับไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะได้รับประสบการณ์ Connection ในการทำงาน การได้ฝึกทำงานจริงๆ จากลูกค้าตัวจริง และสามารถฝึกฝนความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมายได้อีกด้วย
Q6 ใครที่เข้ามาทำงานใน B-UNIT ได้?
ได้หมดครับ ไม่ว่าจะเรียนอยู่คณะฯ ไหน หรือจะเป็นศิษย์เก่าที่จบไปแล้วก็สามารถเข้ามาในโครงการนี้ได้เช่นกันครับ แต่เราจะเน้นให้โอกาสกับนักศึกษาปัจจุบันภายในคณะฯ ก่อนครับ
Q7 ทำไมต้องลองเป็นเด็ก B-UNIT สักครั้ง?
ขอนำสโลแกนของโครงการมาเล่าให้ฟังละกันนะครับ
“ เพราะเราเชื่อว่า…. คุณมี “ความสามารถ” นอกเหนือจากการเรียนออกแบบ คุณสามารถหา “รายได้เสริม” นอกเหนือจากการเรียนออกแบบ คุณมี “เวลาว่าง” นอกเหนือจากการเรียนออกแบบ ถ้าเชื่อแบบเรา ไปกับเรา SOA B-UNIT

Q1 สิ่งที่ SPU ไม่เหมือนใคร?
จุดเด่นหลักของเรา คือมีพื้นที่ซึ่งจงใจเปิดขึ้นสำหรับฝึกฝนเด็กๆ อย่างล่าสุดคือ 13 PASSION โครงการที่จะติดสปีดให้กับเด็ก ใครฝันอยากเป็นอะไร ก็เข้าไปฝึกฝนให้เก่งขึ้นได้ตามความฝัน โดยมีรุ่นพี่เป็นโค้ช และมีเวทีให้ได้แสดงความสามารถกันค่ะ


Q2 จุดมุ่งหมายของ Sim Agency?
จุดมุ่งหมายของการก่อตั้ง Sim Agency คือ เราเปิดพื้นที่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ ได้แสดงความสามารถในด้านวิชาชีพของนิเทศศาสตร์ตั้งแต่ยังเรียน ฝึกฝนเด็กให้เก่งและมีความเป็นมืออาชีพ โดยไม่ต้องรอให้จบ ก็สามารถทำงานเป็นตั้งแต่ยังเรียนอยู่ได้
Q3 ใครเข้ามาทำงานใน Sim Agency ได้บ้าง?
ปัจจุบัน Sim Agency มีสมาชิกอยู่ประมาณ 90 คน ซึ่งเรามีผู้สมัครที่เป็นเด็กสาขาวิทยาลัยการท่องเที่ยวและการบริการ หรืออื่นๆ แต่คุณมีหัวใจนิเทศฯ ซึ่งชอบในงานแสดง การเต้น ทำให้เรามีบุคลากรที่มีความหลากหลาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องมาจากสายนิเทศฯ เราก็รับนะคะ
Q4 ไม่เก่งเข้ามาทำงานได้ไหม?
ครูคิดว่าไม่มีใครเก่งได้โดยที่ไม่ฝึก ถ้าใครรู้ตัวว่าไม่เก่งอะไร เดินมาบอกครูได้เลยนะ เพราะครูจะชอบมาก แสดงว่าเรารู้ปัญหาของเราแล้ว ว่าเราต้องฝึกตรงไหนเพิ่ม ครูมองว่าการฝึกฝนเป็นหัวใจของการเปลี่ยนจากคำว่า “ไม่เก่ง” เป็น “เก่ง” ค่ะ

Q5 ผลงาน Sim Agency ที่อาจารย์รู้สึกภาคภูมิใจที่สุด?
ในฐานะที่เป็นครูผู้ดูแล และผู้ก่อตั้ง Sim Agency ขึ้นมา ทุกผลงานครูภูมิใจหมดค่ะ จริงๆ ต้องบอกว่าครูไม่ได้มองที่ผลงานปลายทาง แต่มองถึงสิ่งที่เด็กได้ลงมือทำมากกว่า จากที่เด็กทำบางสิ่งไม่เป็นมาฝึกฝนกับเราจนเขาทำได้ ครูมองว่าสิ่งนี้คือความภูมิใจของครูค่ะ

Q6 นิเทศฯ SPU ตอบโจทย์ยุคปัจจุบันไหม?
เพราะเด็กของเราจะได้ฝึกใช้เครื่องมือจริง ได้ทำงานจริง ได้ใช้อุปกรณ์ของจริง สามารถผลิตงานได้จริง และมีพื้นที่ฝึกฝน มีเวทีที่จะปล่อยของแสดงความสามารถ ซึ่งนิเทศศาสตร์ ม.ศรีปทุม สามารถตอบโจทย์ตลาดยุคปัจจุบันได้ ที่ไม่จำเป็นต้องสอนงานใหม่ เด็กของเราก็พร้อมทำงานเป็นได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเลยค่ะ
Q7 ฝากถึงเด็กๆ ที่สนใจมาเรียนนิเทศฯ SPU?
ต้องบอกว่าปัจจุบันนิเทศฯ เติบโตขึ้นมาก เพราะนิเทศฯ คือศาสตร์ของการสื่อสาร ฉะนั้นวันนี้เราต้องยอมรับว่าการสื่อสารคือปัจจัยหลักในการสร้างโลกหรือเปลี่ยนโลก ดังนั้นศาสตร์นิเทศฯ จึงไม่มีวันตาย หากใครที่อยากมาเรียนนิเทศฯ ก็จะได้เรียน “การสื่อสารที่ถูกต้อง” ซึ่งสามารถโน้มน้าวใจผู้อื่นให้เชื่อหรือคล้อยตามไปแล้ว ก็สามารถนำไปทำคอนเทนต์ที่ดีเป็นประโยชน์กับสังคม ดังนั้นถ้าอยากเป็นนักสื่อสารที่มีประสิทธิภาพก็มาเรียนที่ SPU กันเลยค่ะ
5 คณะสุดฮิต SPU ที่ DEK 65 ขอเทใจให้เลย!
เดี๋ยวนี้เขาฮิตเรียนอะไรกันนะ? ถ้าใครมีคำถามนี้อยู่ในใจ ลองมาอ่านคอลัมน์ Future idea ที่รวบรวมคณะยอดฮิต 5 อันดับแรก ที่เด็ก 65 เลือกเรียนมากที่สุด! ใครกำลังเล็งคณะไหน ลองมาอ่านเหตุผลที่เด็ก 65 ขอเทใจได้เลยจ้า!

คณะดิจิทัลมีเดีย
คว้าตำแหน่งอันดับ 1 คณะมาแรงแห่งปี 65 เพราะใครๆ ก็สนใจเรียนวิชาแห่งโลกอนาคต ที่ในสาขาต่างๆ จะสอดแทรกเรื่องราวใหม่ๆ อย่างการสร้างเกมและ Metaverse เข้าไปด้วย เลยได้ใจเด็กรุ่นใหม่ไปอย่างไม่ยากเลยจ้า
สนใจเรียน สแกนเลย


คณะนิเทศศาสตร์
อันดับ 2 ต้องคณะนี้ ที่ได้เรียนแบบเน้นลงมือทำจริง ทั้งร้อง เต้น เล่นใหญ่เรื่องการแสดงและถ่ายทำ มีเทศกาลฉายหนัง ที่ทุกคนจะได้ลงมือทำหนังลงฉายโรงภาพยนตร์กันจริงๆ! ใครสายสร้างหนัง คอนเท้นต์ หรืออยากเป็นนักแสดง นักร้อง นักพากย์ ก็ตามมาที่คณะนี้ได้เลย!
สนใจเรียน สแกนเลย


คณะบริหารธุรกิจ
สายบริหารธุรกิจ ยังตามมาอันดับ 3 อย่างไม่มีแผ่ว ใครที่ชอบเรื่องบริหารจัดการ ชอบทำธุรกิจ ไม่ว่าจะของออนไลน์ เปิดร้านเบเกอรีในฝัน ก็ต้องมาสายบริหาร ที่จะเปิดโลกธุรกิจด้วยการสอนแบบไม่เหมือนที่ไหน พร้อมอาจารย์ตัวจริง ที่มีประสบการณ์จริงเต็มกระเป๋า
สนใจเรียน สแกนเลย


คณะศิลปศาสตร์
อันดับ 4 ยังเด่นด้วยเรื่องภาษา ที่ไม่ว่าจะ จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ เราก็มีสาขาให้เลือกลงเรียนตามความสนใจ จบไปก็เรียกได้ว่าเงินเดือนสูง! แน่นอน แถมยังได้เรียนกับอาจารย์เจ้าของภาษา เพื่อให้ได้สำเนียงอย่างเป๊ะปัง พูดได้คล่องฟังแล้วลื่นหูได้แน่นอน
สนใจเรียน สแกนเลย


วิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน
สุดท้ายอันดับ 5 กับคณะที่ยังไง๊ยังไงก็ไม่มีตกงาน เพราะทุกธุรกิจจำเป็นต้องมีโลจิสติกส์ ที่ใช้ในการขนส่งจัดการ ยิ่งในยุคออนไลน์ที่เน้นเรื่องการขนส่งรวดเร็ว จัดการสต็อกของให้อยู่หมัด คณะนี้จึงเป็นหมัดเด็ดที่จะช่วยให้ทุกธุรกิจราบรื่น ใครสนใจก็ลงเรียนได้เลย!
สนใจเรียน สแกนเลย

5 อาชีพใหม่ ทนายต้องรู้ เดี๋ยวนี้มีอาชีพแบบนี้ด้วยหรอ?
วันนี้พี่แอดมินก็ขอหยิบเทรนด์อาชีพใหม่ ในอนาคตของคณะนิติศาสตร์ สาขาที่มีน้องๆ หลายคนสนใจ ใครอยากเป็นเด็กนิติศาสตร์ อยากรู้ว่าอนาคตจบไปแล้วจะมีเทรด์อาชีพใหม่ๆ อะไรรออยู่ ก็ลองมาอ่านคอลัมน์นี้ เพื่อเตรียมตัวทำตามความฝัน มุ่งสู่อาชีพทนายในโลกยุคใหม่ของเราได้เลย

ทนายความประจำ Application
อะไรๆ ก็เริ่มเข้าสู่แอปพลิเคชัน ในหลายๆ ประเทศก็เริ่มมีอาชีพที่ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถใช้บริการผ่านแอปฯ อย่างเช่นหมอ และอาชีพทนายเองก็เริ่มมีให้คำปรึกษาผ่านระบบนี้เช่นกัน อย่าง JusThat App ที่ให้คำปรึกษาโดยทนายความตัวจริง และทำเรื่องฟ้องผ่านแอปฯ ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งอาจเป็นอีก 1 ในอาชีพแห่งอนาคต ที่ทนายอาจจะต้องให้คำปรึกษาลูกความของตนเบื้องต้นผ่านแอปพลิเคชันก็ได้

ทนายความออนไลน์
ยุคออนไลน์ย่อมหนีไม่พ้น คดีความทางด้านกฎหมายออนไลน์ ซึ่ง SPU ของเราก็มีอัพเดทกฎหมายในด้านนี้ไว้ด้วย ทนายความยุคนี้จึงสามารถรับคดีต่างๆ จากออนไลน์โดยการเปิดเพจหรือเว็บไซนต์ส่วนตัว เพื่อทำงานรับคดีในด้านกฎหมายออนไลน์ได้โดยตรง โดยเพราะเคสฟ้องหมิ่นประมาท การโกงเงินออนไลน์ ที่มีให้เห็นอยู่มากมาย

ทนายความใน Metaverse
ที่ไหนมีสังคมเกิดขึ้นที่นั่นจะต้องมีกฎหมายมาคอยดูแล และข่าวที่ทุกคนคงคุ้นหูในช่วงนี้ก็คือเทคโนโลยี Metaverse ที่จะทำให้หลายๆ สิ่งเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นในแง่กฎหมาย ทนายความก็อาจต้องเตรียมรับมือกฎหมายใหม่ๆ ด้านนี้ด้วย และอาชีพที่อาจจำเป็นต้องมีก็คือ ทนายความใน Metaverse นั่นเอง

ผู้ให้ความรู้ด้านกฎหมาย
น้องๆ หลายคนคงจะรู้จักทนายเน็ตไอดอลที่มักจะโพสให้ความรู้ด้านกฎหมายผ่านช่องทางทั้ง Facebook, Twitter หรือช่องทาง YouTube โดยผู้ให้ความรู้จะต้องเรียนจบนิติฯ และเป็นทนายตัวจริงเท่านั้น ถึงจะให้ความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมายที่ถูกต้องได้ ปัจจุบัน นอกจากอาชีพทนายแล้ว ใครอยากผันตัวมาเป็นทนายเน็ตไอดอลก็สามารถทำได้เช่นกัน และถือเป็นอีกอาชีพที่สร้างรายได้ให้เติบโตขึ้นอีกด้วย

อาชีพอื่นๆ ที่ไม่คุ้นหู
สุดท้ายที่อยากให้น้องๆ ทุกคนได้อัพเดท คือรวมอาชีพที่ทนายทำได้ และเราอาจไม่ค่อยรู้ นั่นก็คือ ตำรวจศาล, ทนายอาสาประจำสถานีตำรวจ, ที่ปรึกษากฎหมายภาษีอากร ซึ่งผู้ที่เรียนจบนิติศาสตร์นั้นสามารถเข้าไปสมัครได้เช่นกัน จะเห็นได้ว่าแม้เรียนจบนิติฯ ก็สามารถเลือกงานได้หลายสาย ไม่แพ้อาชีพอื่นๆ เลยจ้า
7 อาชีพมาแรงปี 2022 ที่เด็กรุ่นใหม่ต้องเตรียมตัว!
รู้ไหมว่า? ปีหน้างานอะไรจะรุ่ง! วันนี้พี่แอดมินจะพาไปหาคำตอบของตำแหน่งงานยอดฮิตปี 2022 ในยุค Digital Disruption ที่จัดโดย World Economic Forum และมีข้อมูลทักษะน่าสนใจที่ควรฝึกไว้ พร้อม Hard Skills กับ Soft Skills ที่องค์กรต้องการ เตรียมรับตลาดแรงงานรุ่นใหม่ ที่เด็ก GEN Z ควรจะรู้! ใครอยากเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อรับสายงานยอดฮิตทันโลก ก็เตรียมปากกามาจดกันได้เลย
Care Economy
ซึ่งเป็นสายงานบริการด้านการดูแลและใส่ใจ อย่างกลุ่มงานรักษาพยาบาล ดูแลสุขภาพ ซึ่งแม้หุ่นยนต์จะช่วยวินิจฉัยโรคได้ แต่การสื่อสารระหว่างผู้ป่วยและผู้ให้การดูแลนั้นยังต้องใช้ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ในการให้กำลังใจหรืออื่นๆ
ตัวอย่างงาน : Medical Transcriptionists, Physical Therapist Aides, Radiation Therapists, Athletic Trainers, Medical Equipment Preparers


Data and AI
ยุค Digital Disruption คงขาดคนสายงานนี้ไม่ได้แน่ ยิ่งผลสำรวจจาก LinkedIn นั้นตำแหน่งสายงานนี้เพิ่มขึ้นถึงหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ และคาดการว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามเทคโนโลยีที่ทันสมัย และคลังข้อมูล IoT ที่เริ่ม Online จะแทบทั้งหมดแล้ว เรียกว่า มองข้ามไปไม่ได้เลยล่ะ
ตัวอย่างงาน : AI Specialists, Data Scientists, Data Engineer, Big Data Developer, Data Analyst
Engineering and Cloud Computing
เพราะอนาคตข้อมูลทั้งหมดที่เคยอยู่ในแผ่นเอกสาร จำเป็นจะต้องโอนถ่ายมาเก็บใน Online หรือข้อมูลใหม่ๆ ก็เกือบจะทั้งหมดที่เริ่มต้นเก็บในระบบนี้ เพื่อให้ระบบเสถียร ใช้งานได้ และมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับ นักพัฒนาและผู้ดูแลการปฏิบัติการ บน Cloud จึงสำคัญและเติบโตขึ้นสูงนั้นเองจ้า
ตัวอย่างงาน : Site Reliability Engineer / DevOps / Cloud Computing, Python Developer, Full Stack Engineers, Javascript Developer


Green Economy
ยิ่งอุตสาหกรรมก้าวหน้า ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะยิ่งเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นักการตลาดสีเขียว ซึ่งมีหน้าที่โปรโมทส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาชีพกลุ่มที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องพลังงานสีเขียวนี้จึงมีการคาดเดาว่าจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นนั่นเอง
ตัวอย่างงาน : Green Marketers, Methane/Landfill Gas Generation System Technicians, Wind Turbine Service Technicians, Biofuels Processing Technicians, Solar Energy Installation Managers, Water Resource Specialists
People and Culture
การหาคนให้องค์กร หรือ HR นั้นจะมีความเปลี่ยนแปลงไป HR ยุคใหม่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจลักษณะของธุรกิจ และทำงานอย่างใกล้ชิดกับแผนกอื่น ๆ นอกจากนี้ยังต้องทำหน้าที่สร้าง Culture การทำงานที่ดึงดูดให้คนที่มี Talent อยากมาร่วมงานกับธุรกิจของตนเองด้วย ซึ่งแม้ตำแหน่งนี้จะสำคัญ แต่สกิลต่างๆ ในการทำงานจะเปลี่ยนไป
ตัวอย่างงาน : Information Technology Recruiter, Human Resources Partner, Talent Acquisition Specialist, Business Partner, Human Resources Business Partner


Product Development
ใครที่เป็นสาย Tech product สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ จะเป็นที่ต้องการตัวสูง ซึ่งต้องมีทักษะด้านการสื่อสาร บริหารจัดการโปรเจค มีการทำงานที่รวดเร็วและยืดหยุ่น รวมถึงช่วยสนับสนุนคนในทีมอื่นๆ ให้สามารถทำงานแบบ Agile ได้
ตัวอย่างงาน : Product Owner, Quality Assurance Tester/Engineer, Agile Coach, Software Quality Assurance Engineer, Product Analyst, Scrum Master
Sales, Marketing and Content
ในโลกออนไลน์ของยุคดิจิทัล บริษัทเทคโนโลยียังคงต้องการสายงานนี้ และการทำโฆษณากับ Content ให้น่าสนใจ ก็ถือเป็นส่วนที่ยังสำคัญกับทุกธุรกิจ สิ่งที่คนสายนี้จะต้องมีคือการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในหลายช่องทางให้เหนียวแน่น และต้องหาจุดแข็งที่จะทำให้ธุรกิจนั้นๆ อยู่รอด
ตัวอย่างงาน : Social Media Assistant / Content Production, Growth Hacker, Customer Success, Sales Development Representative, Specialist Digital Marketing Specialist
