How to ปลุกไฟฝันให้ตัวเอง มาเริ่มตอนนี้เลย!
เปิด Code ลับ! SPU สาย Tech! สร้างโอกาสถูกจ้างงาน 3 บริษัท ก่อนเรียนจบได้ยังไง?
PROFILE :
บิว – ณัฐวัตร สวัสดี
รุ่นพี่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรียนสาขา : วิทยาการคอมพิวเตอร์และนวัตกรรมการพัฒนาซอฟต์แวร์
จบจากโรงเรียน : SBACNON-Information Technology จังหวัดนนทบุรี
เด็กทุน : SPU ตัวจริง
ตำแหน่งงาน :
– CTO co-founder of Melearn
– Outsource (Full-Stack Software Engineer & Consultant) กับ 2READ CO., LTD.
– Outsourced Crisis Technical Consultant กับ 2MORROW GROUP COMPANY LIMITED

Q : จุดเริ่มต้นเข้าวงการ Tech สู่การถูกจ้างงานตั้งแต่ยังเรียนคืออะไร?
A : ผมเริ่มต้นจากสายอาชีวะ เพราะตอนมัธยมผมเป็นเด็กหลังห้อง ไม่ตั้งใจเรียน และรู้สึกว่าระบบการศึกษาแบบเดิมไม่ตอบโจทย์ จึงตัดสินใจเลือกเรียนสายอาชีพ ซึ่งตอนแรกก็ยังไม่ได้จริงจังมากนัก จนกระทั่งปี 2 หรือเทียบเท่า ม.5 ผมเริ่มสนใจการเขียนโค้ด และเริ่มศึกษาด้วยตัวเองผ่าน YouTube ช่อง Uncle Engineer ซึ่งสอนสนุกและเข้าใจง่ายกว่าที่เคยเรียนในห้อง ทำให้ผมเริ่มหลงรักการเขียนโปรแกรมอย่างจริงจัง

จากนั้นผมได้พัฒนาทักษะจนได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนวิทยาลัยไปแข่งขันการเขียนเว็บ และคว้าเหรียญทองแดงมาได้ ต่อมา ผมเริ่มลงแข่ง Hackathon ซึ่งเปิดโลกให้ผมเห็นว่าการเขียนโค้ดเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องเข้าใจการใช้เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจด้วย ผมได้เรียนรู้เรื่องกลยุทธ์ การทำ SWOT analysis และการ pitch งาน ซึ่งล้วนเป็นทักษะสำคัญทั้งนั้น ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่เรียนห้องเดียวกันและทำงานเป็นเลขา CEO ของบริษัทหนึ่ง เขาเป็นเหมือน Mentor ที่แนะนำผมทุกอย่าง ตั้งแต่การเริ่มต้นโปรเจกต์ไปจนถึงการเป็นผู้นำทีม
หลังจากนั้นผมมีโอกาสได้แข่ง Hackathon ในระดับประเทศและได้รับเหรียญทองมา จึงตระหนักว่าความเข้าใจธุรกิจและการคิดวิเคราะห์คือกุญแจสำคัญ ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ผมเริ่มออกงานสัมมนาเพื่อเข้าใจวงการ Tech มากขึ้น พอเข้าปี 1 ผมได้เข้าร่วมสัมมนาที่จัดโดยคณะ SE และได้เจอกับพี่ดุล CEO & Founder ของ Melearn ซึ่งเป็นคนแรกที่ให้โอกาสผมเข้าร่วมทีมในตำแหน่ง CTO & Co-founder ตั้งแต่ตอนอายุแค่ 18 ปี แม้จะรู้ว่าตัวเองยังมีประสบการณ์น้อยมาก แต่ผมก็ทุ่มเทเต็มที่ครับ
จากนั้นผมได้รับโอกาสทำงานกับบริษัทที่ 2 คือ Bullmoon JR โดยเป็นทั้ง Dev และ Technical Consultant ซึ่ง CEO ของที่นี่ก็เป็นหนึ่งใน Co-founder ของ Melearn เช่นกัน และล่าสุดในบริษัทที่ 3 ผมได้รับมอบหมายให้เข้าไปแก้ปัญหาระบบล่มทั้งเว็บไซต์และแอปในช่วงวิกฤต จนสามารถกู้ระบบกลับมาได้ พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต เส้นทางทั้งหมดนี้ผมว่าเกิดจากความตั้งใจและการไม่หยุดเรียนรู้ครับ
Q : แชร์ประสบการณ์เปลี่ยนชีวิตและทำให้พัฒนาตัวเองมากที่สุด?
A : หนึ่งในประสบการณ์ที่เปลี่ยนผมมากที่สุด คือการเข้าร่วม Afterklass Business Kamp Hackathon และ Smart Innovation ซึ่งเปลี่ยนผมจากคนที่โฟกัสแค่การเขียนโค้ด มาเป็นคนที่มองเห็นภาพรวมของธุรกิจและการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนกลยุทธ์ ผมได้เรียนรู้วิธีคิดเชิงกลยุทธ์ เช่นการวิเคราะห์ SWOT ไม่ใช่แค่กับธุรกิจ แต่ใช้กับตัวเองด้วย เช่น ผมอาจจะเขียนโค้ดเก่ง แต่ถ้าสื่อสารไม่เป็นก็จะไม่มีใครรู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง และไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพ ดังนั้นผมจึงเริ่มพัฒนาทักษะการสื่อสาร การสร้าง Trust และ Connection เพราะผมเชื่อว่า “เก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีโอกาสให้แสดงออกด้วย”
Q : สิ่งแวดล้อมที่ดี มีผลต่อการเติบโตไหม?
A : Environment เป็นสิ่งสำคัญมากครับ ถ้าเราอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความเป็นพิษ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะถูกขัดตลอด ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไปไม่ไกล เพราะฉะนั้นเราต้องเลือกอยู่ในที่ที่มองเห็นคุณค่าของเรา ผมไม่ได้มองแค่ Know-how แต่ให้ความสำคัญกับ Know-who ด้วย ผมจึงพยายามหาจุดแข็งเฉพาะตัว เช่น ถ้าผมเป็น Dev ที่เข้าใจทั้ง Cybersecurity, DevOps, Full Stack, AI, Web3 และสามารถให้คำปรึกษาได้ด้วย ก็จะเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจาก Dev ทั่วไป และด้วย Connection ที่ผมสร้างไว้ ผมก็มีโอกาสมากกว่าในการเติบโตทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ
Q : SPU ช่วยเปิดประตูโอกาสอะไรให้เราบ้าง?
A : ผมเลือกเรียนที่ ม.ศรีปทุม เพราะได้ทุนตัวจริงและเพราะเราอยากเป็น Full Stack Dev เลยมองว่าที่นี่ตอบโจทย์ที่สุด สิ่งที่คุ้มค่าที่สุดจากการเรียนที่ SPU คือ Connection ผมมีโอกาสได้พบและพูดคุยกับ CEO หลายท่าน บางคนเป็นศิษย์เก่า บางคนเป็นอาจารย์ที่นี่ และทุกคนพูดตรงกันว่า SPU คือแหล่งของคอนเนกชันที่ดีมาก

หนึ่งในคนสำคัญที่ผมได้รู้จักคือพี่ดุล CEO Melearn ที่เปิดประตูให้ผมได้รู้จักผู้คนในวงการอีกมากมาย และอีกหนึ่งคนที่ต้องขอบคุณคืออาจารย์ก้อย คณบดีคณะเทคโนโลยีฯ ที่ให้โอกาสผมได้ไปดูงานถึงอินเดีย แน่นอนว่า Connection ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาเฉยๆ แต่ต้องลงมือสร้าง และเมื่อสร้างได้แล้ว มันคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับผมเลยครับ
Q : ทักษะล้ำ อัปสกิลไว SPU สอนให้จริงไหม?
A : จริงครับ แถมสิ่งที่ผมได้มากกว่าความรู้คือ ความรับผิดชอบ และ ทักษะการเรียนรู้ที่แท้จริง ผมเชื่อว่าแค่เรียนเก่งหรือสอบได้คะแนนดีไม่พอ ต้อง “เรียนรู้ให้เก่ง” ด้วยการตั้งคำถามให้เป็น ช่างสงสัย และไม่หยุดคิด ทุกครั้งที่ผมกล้าถามในห้องเรียน คือการฝึกสกิลสำคัญที่จะติดตัวไปตลอดชีวิตครับ
Q : ทักษะสำคัญในสาย Tech คืออะไร?
A : สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนที่อยากทำงานในสายเทคโนโลยี คือ “การเริ่มต้น” ครับ ไม่ว่าคุณจะยังเป็นนักเรียน หรือเรียนอยู่คนละสาย ก็สามารถเริ่มเรียนรู้ได้ทันทีจากเครื่องมือรอบตัว เช่น คอร์สออนไลน์ หรือแม้แต่ YouTube ก็เป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นดี ผมเคยมีโอกาสคุยกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้าน Web3 จากบริษัทต่างชาติ เขาเรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์ แต่เริ่มต้นเส้นทางเทคโนโลยีจากการเรียนออนไลน์เหมือนผม และหลายคนที่ผมรู้จักในวงการนี้ก็เริ่มจากศูนย์ สิ่งที่ผมเรียนรู้จากการเป็นที่ปรึกษาให้ Startup คือ ทักษะที่สำคัญจริงๆ ไม่ใช่แค่การเขียนโค้ด แต่คือ “การเรียนรู้ให้เป็น” ต้องรู้ว่าเรายังไม่รู้อะไร และกล้าที่จะเรียนรู้มัน ต้องตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า สิ่งที่ทำอยู่มีประโยชน์ไหม? สำคัญกับเป้าหมายเราหรือเปล่า? อย่ารอให้ใครมาบอก เพราะโลกเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก ไม่มีใครตามสอนได้ตลอด แต่ถ้าคุณเรียนรู้เป็น คุณจะปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์ และนั่นแหละครับ คือสิ่งที่จะทำให้คุณแตกต่าง

Q : ความลับที่อยากบอกต่อน้องๆ สาย Tech?
A : เราไม่ใช่แค่ต้องมี hard skill แต่ soft skill และ networking ก็สำคัญไม่น้อยเลยครับ การสร้าง trust และการสื่อสารที่ดี คือกุญแจสำคัญที่ช่วยเราเติบโตในวงการ เช่นเดียวกับที่ผมสร้างความไว้วางใจให้กับหลายๆ ท่านจนกลายเป็นการเชื่อมโยงที่ต่อเนื่องกันและถูกแนะนำต่อไปเรื่อยๆ
อีกคำแนะนำที่อาจจะดูโหดคือ ปัจจุบัน AI เริ่มเก่งเทียบเท่ากับ Junior Developer หรือคนที่มีประสบการณ์น้อยถึง 3 ปี ซึ่งทำให้การแข่งขันในตลาด Dev เพิ่มสูงขึ้น แต่ในอีกมุมหนึ่ง ถ้า AI สามารถเทียบเท่ากับคนมีประสบการณ์ 3 ปี ก็หมายความว่าเราเองสามารถเรียนรู้จากมันได้เหมือนกับการมีคนที่มีประสบการณ์คอยสอนโดยไม่ต้องมีความกังวลว่าจะถูกตำหนิหรือไม่ ในมุมนี้ผมมองว่าแม้การเริ่มต้นอาจดูท้าทาย แต่เราเรียนรู้ได้เร็วขึ้น และมีโอกาสที่เราจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วเลยครับ
Best Version of You เป็นตัวเราถึงไปได้ไกล เมื่อเด็ก SPU สายวาดได้รับเลือกให้โชว์ผลงานที่จีน!
PROFILE :
เอิร์ธ – สรยุทธ สุขอันเลิศ
รุ่นพี่คณะดิจิทัลมีเดีย
เรียนสาขา : ดิจิทัลอาร์ตส์
จบจากโรงเรียน : สระบุรีวิทยาคม จังหวัดสระบุรี
ผู้วาดปกนิตยสาร SPU NEWS เล่ม MAY- JUN 2025
แนวคิด : ชื่อปก “Be the best version of yourself” คือการเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด อย่าไปหาว่าใครดีที่สุด แต่จงทำให้ตัวตนของเรานั้นดีที่สุดในแบบของเราเอง

Q : จุดเปลี่ยนอะไรทำให้ตัดสินใจเอาจริงเรื่องวาดรูป?
A : ต้องบอกว่า เรารู้ตัวเองตั้งแต่เด็กเลยว่าชอบ ใจมันไปทางนี้! คือไม่อินกับคณิต ไม่คลิกกับวิชาที่ต้องเป๊ะๆ ตามกฎเกณฑ์ เราชอบอะไรที่ใช้จินตนาการมากกว่า ชอบวาด ชอบคิด ชอบสร้างอะไรใหม่ๆ สุดท้ายก็เลยบอกตัวเองว่า “เอาล่ะ ลุยสายนี้จริงจังไปเลย!
Q : ไปโชว์ผลงานที่จีนเป็นยังไงบ้าง?
A : เป็นครั้งแรกที่ผลงานเราได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ มันทำให้เรารู้สึกดีใจและภูมิใจมากๆ นอกจากความตื่นเต้นแล้ว สิ่งที่ได้กลับมาคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เรามีกำลังใจในการสร้างสรรค์งานต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน การได้เห็นผลงานของเราถูกยอมรับในเวทีใหญ่ๆ ยิ่งทำให้เชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น และทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ทุ่มเททำงานหนักเพื่อให้ผลงานของเราไปไกลกว่านี้

Q : ถ้าอยากเก่งขึ้น ควรเริ่มยังไงดี?
A : เริ่มจากตัวเองก่อนเลยครับ สำหรับผม สิ่งแรกที่ทำคือ “ลดอีโก้” ลง มีคนเคยสอนว่าอย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว เพราะถ้าเราเต็มไปด้วยทิฐิ เราจะไม่เปิดรับอะไรใหม่ๆ เลย แต่ถ้าเรายอมรับว่าตัวเองยังเรียนรู้ได้อีกเยอะ เราจะพัฒนาไปได้ไกลมาก การฝึกฝนและทำซ้ำสำคัญมากครับ แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคือ “เป้าหมาย” ถ้าเรารู้ว่ากำลังเดินไปทางไหน ความพยายามมันจะพาเราไปถึงจุดหมายได้แน่นอน
Q : อุปสรรคของเราคืออะไร?
A : พูดแบบตรงๆ เลย อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดก็คือตัวเราเองนี่แหละ เพราะเราชอบเผลอเอางานตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วก็รู้สึกแย่ที่ยังสู้เขาไม่ได้ สุดท้ายมันกลายเป็นการลดคุณค่าของตัวเองโดยไม่รู้ตัว แต่พอคิดได้ว่า “คู่แข่งที่แท้จริงคือเราเมื่อวาน” ทุกอย่างก็เปลี่ยนเลยครับ เราเริ่มถามตัวเองว่าวันนี้ทำได้ดีกว่าเมื่อวานไหม งานชิ้นใหม่พัฒนาไปจากชิ้นก่อนหรือยัง แค่เอาชนะตัวเองให้ได้ทุกวัน เราก็จะเก่งขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุดครับ
Q : เคยหมดไฟบ้างไหม แล้วทำไงให้ไฟฝันมันลุกโชนอีกครั้ง?
A : เคยครับ เป็นเรื่องธรรมดาเลยนะ เวลาทำอะไรเดิมๆ ซ้ำๆ ไปนานๆ มันก็มีช่วงที่รู้สึกเหนื่อยหรือเบื่อบ้าง วิธีของผมคือเปลี่ยนบรรยากาศครับ ออกไปดูงานศิลปะตามแกลลอรี่ นั่งคาเฟ่สบายๆ หรือทำสิ่งที่ชอบอย่างเล่นดนตรี ฟังเพลง ปล่อยใจให้พักบ้าง พอใจสดชื่น ไอเดียก็ค่อยๆ กลับมาเองครับ

Q : คำแนะนำสำหรับรุ่นน้องที่มาสายวาด?
A : อยากแนะนำให้น้องๆ มีความฝัน บางคนอาจมองว่ามันเป็นแค่ความฝันที่ไร้สาระ แต่สำหรับพี่ พี่เห็นหลายคนแล้วที่ทำให้มันเป็นจริงได้ ไม่ใช่แค่ฝันลมๆ แล้งๆ แบบที่คนอื่นดูถูก พี่เชื่อว่าแค่พยายามแล้วมุ่งมั่น ทุกคนก็สามารถทำได้สำเร็จจริงๆ ครับ