เรียนจบแล้ว ” เอาไงต่อกับชีวิตดี ” เด็กจบใหม่ ได้ยินประโยคนี้ มีสะอึกแทบทุกคน แต่ไม่ต้องห่วง มีแนวทางมาบอก

เลือก 1 ข้อ
คุณเหมาะกับชีวิตหลังเรียนจบแบบไหน
——————————————————–
A. ทำงานเลยแล้วกัน
.
B. คิดไม่ออก ยังไม่อยากทำงานเลย

 

 

 

ถ้าคำตอบ คือ A
อย่างแรก | ทำงานประจำ
————————————-
ถ้าคุณเรียนจบแล้วไม่รู้จะทำอะไรต่อ
เรียนจบแล้วต้องแบ่งเบาภาระพ่อแม่
เราแนะนำให้คุณทำงานประจำ
แล้วงานไหนล่ะที่เหมาะกับเรา
วิธีการง่ายๆ เป็นข้อแนะนำสำหรับ
ไม่รู้จะทำงานอะไรดี
ลองหาว่าเราชอบทำอะไรที่สุด หรือ
สิ่งที่เราทำได้ดี
แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้ชอบที่สุด
แต่สิ่งนั้นอาจเป็นสิ่งที่ถนัดที่สุดก็ได้

 

 

 

ถ้าคำตอบ คือ A
อย่างที่สอง | Freelance
————————————–
ฟรีแลนซ์ (Freelance)
ถือเป็นอาชีพตัวเลือกสำหรับคนยุคใหม่ที่นิยม
สำหรับเด็กที่ไม่อยากทำงานประจำ
เพราะ มีความอิสระในรูปแบบการทำงาน
จึงทำให้คนรุ่นใหม่มีความสนใจและนิยมเป็นอย่างมาก
.
สิ่งที่ทำให้เราได้งานมีลูกค้า
นั้นคือ “การสร้างตัวตน”
เราต้องคอยเก็บผลงาน ทั้งงานจ้าง
และ งานฟรี
แม้ว่าจะฟรีแต่มันก็เป็นประสบการณ์
เหมือนเป็นสร้างพอร์ตให้ตัวเอง
เราสามารถสร้างผลงานให้ตัวเอง
โดยการสร้างเว็บไซต์ หรือ บล็อก
เช่น Facebook ,Pinterest , Youtube เป็นต้น
ก็จะเป็นการสร้างผลงานเพื่อเอาไว้คุยงานกับลูกค้าของเราได้
.
นอกจากนี้ เราอาจจะเข้าร่วมสังคมใหม่ๆ
ในสายงานที่เราต้องการ เช่น ไปเข้าค่าย ไปงานนิทรรศการ
งานที่สามารถพบเจอผู้คนใหม่ๆ สร้างมิตรภาพ
เพื่อทำให้เรารู้จักคนมากยิ่งขึ้น

 

 

 

ถ้าคำตอบ คือ A
อย่างที่สาม | ทำธุรกิจส่วนตัว
————————————–
ไม่อยากทำงานประจำ
ไม่ได้อยากทำงานฟรีแลนซ์
แต่อยากเป็นนายตัวเอง
งั้นก็เป็นเจ้าของมันซะเลย
.
การจะทำธุรกิจส่วนตัว
เราต้องศึกษาในสิ่งที่จะทำอย่างรอบคอบ
วิเคราะห์ในส่วนต่างๆ ยิ่งถ้าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่
และ ไม่เคยเกิดขึ้น
จะเป็นการสร้างจุดขายได้อย่างดีเยี่ยม
พอเมื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงแล้ว เงินถึง
มี Passion ก็ลุยเลย

 

 

 

 

ถ้าคำตอบ คือ B
อย่างแรก | ไปเที่ยวเลยจ้า
————————————–
ถ้าไม่อยากทำงาน อยากเปิดโลก อยากท่องเที่ยวในที่ใหม่ๆ แนะนำ ไปเที่ยว ไม่ว่าจะตะเวนเที่ยวในประเทศ หรือ หาประสบการณ์ใหม่ ก็ไปเที่ยวต่างประเทศ ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ถ้าปัจจัยด้านการเงินพร้อม ที่บ้านไม่ได้ติดขัดว่าอะไร ก็ลุยเลย
.
การไปท่องเที่ยว คือ
การสร้างประสบการณ์ให้ตัวเอง
ดีกว่าการไปลงทุนในเรื่องการซื้อของต่างๆ เพราะ การซื้อประสบการณ์เป็นสิ่งที่เราจะจดจำมันไปอีกนาน นึกถึงทีไรก็จะมีแต่ความทรงจำดีดี ถ้าหลังเรียนจบไม่รู้จะทำอะไร ลองออกไปเที่ยว ออกไปพักผ่อนความเหน็ดเหนื่อยจากการเรียนมาหลายปี บางทีกลับมาอาจจะได้รับแรงบันดาลใจ หรือ ไอเดียดีดี ที่ให้ทำในสิ่งที่เราต้องการก็ได้

 

 

 

 

ถ้าคำตอบ คือ B
อย่างที่สอง | ไปเที่ยวเลยจ้า
————————————–
ถ้าตัวเลือกของคุณคือ ไม่อยากทำงาน
อยากไปเที่ยวต่างประเทศ
และอยากหาประสบการณ์การทำงานไปด้วย
ขอแนะนำให้ไป Work and Travel
คือ การไปทำงานช่วงสั้นๆ ที่ต่างประเทศ
อย่างเช่นประเทศที่นิยมไปกันคือ อเมริกา
ไปทำงานแลกเปลี่ยนประสบการณ์ วัฒนธรรม
การใช้ชีวิต เปิดโลกชีวิตในต่างประเทศ
เจอเพื่อนใหม่ๆ
ทั้งไทยและต่างชาติ ไปเรียนรู้
อดทนการใช้ชีวิตด้วยตัวเองในต่างแดน
ซึ่งได้ทั้งความสนุก และ แถมได้เงินอีกด้วย

 

 

 

 

ถ้าคำตอบ คือ B
อย่างที่สาม | เข้าค่าย หรือ ทำอาสา
————————————–
ถ้ายังอยากได้ความรู้ ความสนุก
รู้จักคนกลุ่มใหม่ๆ
ขอแนะนำ ไปเข้าค่ายที่เราสนใจ
หรือ ทำงานอาสาสมัคร
การที่เราได้ไปเข้าค่ายไม่ว่าจะเป็น
ค่ายความรู้ต่างๆที่เราสนใจ
หรือ จะค่ายอาสาสมัครช่วยเหลือผู้อื่น
จะทำให้เราได้รับความรู้ใหม่ๆ
รู้จักผู้คนใหม่ๆ เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น
การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
และที่สำคัญเป็นการท้าทายตัวเอง
ซึ่งเป็นการเก็บเกี่ยวปนะสบการณ์ที่ดีที่สุด

 

 

 

ถ้าคำตอบ คือ B
อย่างที่สี่ | เรียนต่อไม่รอแล้วนะ
————————————–
ถือเป็นทางเลือกระดับต้นๆ ที่เด็กจบใหม่ เลือกระหว่างจะทำงานเลย หรือ เรียนต่อเลย ข้อดีของการเรียนต่อเลย คือ เรายังมีไฟในการเรียนอยู่ มีความกระตือรือร้นที่จะใฝ่ความรู้ เพราะ พึ่งจบจากการเรียนปริญญาตรี เราก็ยังมีความรู้สึกว่า การเรียนต่อเป็นเรื่องที่สนุก , การเรียนทำให้เราเปิดโลกเพิ่มพูนความรู้ในสิ่งที่เราชอบ และ เหมาะกับคนที่รู้แล้วว่าชอบทำงานอะไร ในอนาคตอยากทำงานแบบไหน , ได้อัพเกรดโปรไฟล์ของตัวเอง พัฒนาทักษะในด้านที่ยังขาดและที่อยากเรียนรู้เพิ่ม
.
แต่ข้อเสีย คือ อาจจะประสบการณ์น้อยกว่าคนอื่นใน Class เรียน เพราะ การเรียนต่อระดับปริญญาโท ส่วนใหญ่จะมีแต่คนที่ทำงานแล้ว เราอาจจะไม่มีเรื่องราวประสบการณ์การทำงานมาถกเถียงในชั้นเรียน แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาเพราะ ทุกอย่างสามารถฝึกและเพิ่มพูนทักษะกันได้
.
สำหรับใครที่อยากเรียนต่อต่างประเทศ ต้องเตรียมตัวเรื่องการสอบวัดระดับภาษา เช่น TOEFL , IELTS , GMAT หรือ GRE เป็นต้น แล้วแต่ว่ามหาวิทยาลัยที่ต้องการจะรับรองคะแนนประเภทไหน และ คะแนนระดับเท่าไหร่ ซึ่งถ้าต้องการไปจริงๆ การเตรียมความพร้อมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และ ต้องเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่เมื่อไปอยู่ที่นั้นด้วย

 

 

 

ถ้าคำตอบ คือ B
อย่างที่ห้า | เรียนคอร์สสั้น
———————————–
การเรียนคอร์สสั้น เป็นการเสริมทักษะความรู้ที่เรายังขาดอยู่ หรือ เป็นสิ่งที่เราสนใจ เช่น ไปเรียนภาษาอังกฤษ แล้วไปสอบวัดระดับภาษา
ก็จะทำให้โปรไฟล์เราดีขึ้น ,
ไปเรียนคอร์สสอนวาดรูป
ตัดต่อ-ถ่ายภาพ , คอร์สสอนทำอาหาร-ขนม
เพื่อนำทักษะไปเปิดร้าน หรือ ทำงานในด้านที่สนใจ เป็นต้น

 

 

 

จริงๆ แล้ว
ชีวิตเรามันไม่ได้มีแค่ตัวเลือก A B นะ
เราสามารถสร้างตัวเลือกในชีวิตได้อีกมากมาย
ถ้าเรายังสับสนอยู่ ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะ ใครๆ ก็เคยสับสนกันทั้งนั้น
ใจเย็นๆ และให้เวลากับตัวเอง
แต่ถ้ารู้ทางที่ชอบแล้ว ก็ลุยเลย