สำหรับเด็กท่องเที่ยวแล้วนั้น การได้ออกไปนอกห้องเรียน ถือเป็นการออกไปเรียนรู้กับสิ่งที่กว้างขวางที่มีมากกว่าอยู่ในหนังสือ
 
“อ๊อด” ศรศักดิ์ สงแช้ม ศิษย์เก่า ว.การท่องเที่ยวและการบริการ สาขาการจัดการการท่องเที่ยวและไมซ์ ที่เพิ่งจบการศึกษาปี 2564 ไปหมาดๆ และปัจจุบันทำงานด้าน Co Project Manager ที่ Intrigue Group creative advertising & event organizer  ซึ่ง “อ๊อด” ถือเป็น อีกคนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์โควิด 19 ในช่วงที่เรียน จบพอดี วันนี้เราจึงชวน อ๊อด มาพูดคุยเกี่ยวกับทิศทางในสายที่เรียนกับอนาคตที่คาดหวังไว้
 
 
หางานยากไหม สำหรับสายการท่องเที่ยวและไมซ์
ตอบตามตรงในสถานการณ์ที่เรียนจบในยุคโควิด ถือว่า ยากมากในสายนี้ เพราะ สายงานนี้ได้รับผลกระทบโดยตรง ส่งผลให้บริษัทแต่ละบริษัทมีการปรับตัวเพื่อรับกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป ถือว่าเป็นสภาวะที่ไม่ปกติเท่าใดนักสำหรับสายการท่องเที่ยวและไมซ์ แต่เมื่อทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง เราเองก็ต้องไม่หยุดพัฒนาตนเองให้ตรงตามความต้องการของบริษัท
 
ทำไมถึงมาเรียน MICE และ MICE ที่ ม.ศรีปทุมแตกต่างอย่างไร  
ย้อนกลับไปในช่วงที่อ๊อดกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ก่อนโควิด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การบริการ และ MICE ถือได้ว่าบูมสุดๆ อุตสาหกรรมกำลังเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ผมจึงเริ่มศึกษาและหาโอกาสที่จะได้เข้ามาอยู่ในสายงานนี้ คิดตั้งแต่ว่า เราต้องเรียนจบอะไร ถึงจะสามารถเข้าไปอยู่ในสายงานเหล่านี้ได้ รวมถึงการมองหา มหาวิทยาลัยที่สามารถตอบโจทย์พัฒนาให้ตัวเราพร้อมเข้าสู่เส้นทางได้อย่างมืออาชีพ
 
และก็ได้พบกับสาขานี้ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งเราได้เรียนรู้กับอาจารย์ที่มีประสบการณ์ในสายงานนี้โดยตรง และได้รับโอกาสให้ออกไปปฏิบัติงานกับบริษัท ซึมซับบรรยากาศในการทำงานในสายอาชีพ แบบจริง ๆ เหมือนให้โอกาสได้อยู่ในอาชีพนั้นๆ ตั้งแต่เรียน จึงทำให้อ๊อดเลือกเข้าเรียน ที่นี่ครับ

สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ สาขาการท่องเที่ยวและไมซ์คือ
หลายคนมักมองว่า สาขาท่องเที่ยวและไมซ์ เป็นสาขาที่เน้นการเที่ยวสนุก อยู่นอกห้องเรียนตลอดเวลา ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าใดนักจากสายตาของคนอยู่ภายนอก หากแต่อยากจะบอกพวกเขาว่า ก่อนที่เด็กท่องเที่ยวจะได้ออกไปเรียนรู้บรรยากาศนอกห้องเรียนนั้น จะต้องผ่านการศึกษาข้อมูลที่หนาแน่นและถูกต้อง เพราะการที่เราได้รับข้อมูลที่ถูกต้องนั้น ก็จะทำให้เรา เข้าใจ และนำเสนอข้อมูลออกไป ได้ถูกต้องเช่นกัน สำหรับเด็กท่องเที่ยวแล้วนั้น การได้ออกไปนอกห้องเรียน ถือเป็นการออกไปเรียนรู้ กับสิ่งที่กว้างขวางที่มีมากกว่าอยู่ในหนังสือ
 
ช่วยเล่าบรรยากาศการทำงานในสาย สายการท่องเที่ยวและไมซ์ให้ฟังได้ไหม
การทำงานสายการท่องเที่ยวและไมซ์ ทำให้เรามีโอกาสได้ร่วมงานกับคนหลากหลายอาชีพและบทบาทหน้าที่ ซึ่งล้วนเป็นคนเก่งและมีศักยภาพมาก ซึ่งผม มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นโอกาสอันดีที่เราจะสามารถเรียนรู้และพัฒนาจากผู้อื่น สำหรับผมเอง มองว่า มนุษย์ทุกคนมีความเก่งและความถนัดที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของตนเอง เราอาจจะเก่งด้านนี้แต่อีกคนเก่งอีกด้าน  ผมเชื่อเสมอว่า คนเรามักจะมีความเก่งแต่ละด้านไม่เหมือนกัน แต่แค่เราจะทำยังไงให้ความเก่งของเรานั้นโดนเด่นออกมาได้อย่างไร เราไม่จำเป็นจะต้องเก่งครบทุกด้าน สิ่งสำคัญคือการไม่หยุดที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และเมื่อหาความถนัดความเก่งของตนเองเจอแล้ว ก็ไปพัฒนาด้านนั้นให้มีเพิ่มมากยิ่งขึ้น
 
ช่วยแนะนำเทคนิคการสร้างความมั่นใจให้กับตนเองให้กับเพื่อนๆได้ไหม
การแสดงออกด้านบุคลิกภาพ และด้านภาษา  ความมั่นใจในตัวเองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่การที่คนคนหนึ่งจะมั่นใจได้นั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนเรานั้นมักจะมีความมั่นใจมาจากความรู้ความสามารถที่เรามี เช่นเดียวกันการใช้ความรู้นั้นทำสิ่งที่เป็นเป้าหมายได้สำเร็จ ดังนั้น การเรียนรู้อยู่เสมอ เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา จะส่งผลให้เรามีความมั่นใจในตัวเองจากข้างในซึ่งจะมั่นคงและถาวร
 
ทักษะด้านใดสำคัญสำหรับเส้นทางสาย การจัดการการท่องเที่ยวและไมซ์
คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันในทุกองค์กรมักจะให้ความสำคัญกับภาษาที่ 2 3 หรือ 4 เพราะหากยิ่งได้ภาษาที่หลากหลาย องค์กรก็จะมองว่าคนนั้น สามารถที่จะสื่อสารกับคนที่หลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายประเทศ ก็จะส่งผลดีกับการประกอบอาชืพ หรือ การได้โอกาสทำงานในองค์นั้นๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น

อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่สนใจเรียนสายท่องเที่ยวและไมซ์ ที่กำลังลังเลว่าจะไปต่อบนเส้นทางนี้ดีหรือไม่
การได้เรียนในสาขาท่องเที่ยว ไม่ได้เป็นการเรียนในวิชาที่ล้าหลัง หรือสวนทางกับเหตุการณ์เศรษฐกิจบ้านเมืองแต่อย่างไรเลย ตราบใด ที่โลกใบนี้ ผู้คนยังให้เดินออกมาท่องเที่ยวกัน สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่มีวันตายจากกันไป เพียงแค่เราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับเหตุการณ์ในปัจจุบันให้มากยิ่งขึ้น รู้จักที่จะพัฒนา และต่อยอดกับสิ่งที่มีอยู่ให้ออกมาได้ดีสุด
 
เคล็ดลับในการค้นหาตัวเองให้เจอ
สิ่งที่ผมใช้แล้วได้ผลและอยากแนะนำคือ ในช่วงเวลา 4 ปีในมหาวิทยาลัย อยากทำอะไรทำ อยากเรียนรู้อะไรรีบเรียนรู้ เพราะสิ่งเหล่านั้นมันจะเป็นตัวประสบการณ์ที่จะอยู่ใน Resume สมัครงาน แล้วเราสามารถกล้าที่พูดได้เต็มปากว่าเราเคยทำมันมาแล้ว เราไม่มีทางรู้ว่าเราชอบหรือมันใช่สำหรับเราจริงหรือไม่หากไม่ได้ลงมือทำ
 
อยากจะบอกกับทางคณะและอาจารย์ว่าอย่างไรบ้าง
ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีในรั่วมหาวิทยาลัย ที่มีการแยกย้ายไปเรียนออนไลน์บ้าง เด็กคนนี้อยากจะขอบคุณทุกๆ อย่าง ที่ได้เรียนรู้ ได้รับโอกาสต่างๆ ที่มอบให้มาโดยตลอด จนทำให้เด็กคนนี้กล้าและภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก ถึงบางครั้งสิ่งที่ได้รับมานั้นจะยากเย็นขนาดไหน แต่มันคือหัวใจสำคัญหลักที่ทำให้เราต้องกล้าและลงมือทำมันออกมาให้เต็มที่ ให้สมกับความไว้วางใจที่ได้รับมาเช่นกัน
 
ตั้งเป้าหมายอนาคตข้างหน้าไว้อย่างไร
ผมคาดหวังว่าผมคงจะได้เป็นบุคลากรในสายงานนี้ที่มีชื่อเสียงและผลงานที่โด่งดังสู่สายตาของทุกๆ คน ได้เลื่อนขั้นรับตำแหน่งที่เติบโตขึ้น สามารถนำความรู้ความสามารถที่ได้สะสมมาตลอดการทำงาน มาต่อยอดสร้างโอกาสในการทำธุรกิจเป็นของตนเอง และเพื่อจะได้มีโอกาสได้ตอบแทนและคือสิ่งดีๆ ให้กับสังคม โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวที่ผมรัก เพราะวงการนี้ให้โอกาสผมได้ประสบความสำเร็จอย่างที่หวังไว้