หากน้องๆ ที่อ่านบทสัมภาษณ์นี้อยู่ คงอยากรู้ว่าการจะได้เป็นเด็กทุนนั้นต้องทำอย่างไร มีคุณสมบัติแบบไหน ลองมาอ่านประสบการณ์ดีๆ จากพี่โม ที่ได้รับทุนตัวจริงจากมหาลัยศรีปทุมและได้เรียนในสิ่งที่ชอบคือคณะดิจิทัลมีเดีย หากใครสนใจอยากจะสมัครทุนในอนาคต มาลองอ่านดูกันได้เลยจ้า
พี่โม : สวัสดีค่า เพื่อนๆ ทุกคนค้าาา เราชื่อโม หรือ นัฎ ฐานัสปภาวิน เรียนจบจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิก ได้รับทุนตัวจริง คณะดิจิทัลมีเดีย สาขาดิจิทัลอาร์ตส์ ค่ะ มีงานอดิเรกที่ชอบคือวาดรูป ฟังเพลง เดินเล่นชมวิว ดูคลิปใน youtube และดูหนังค่ะ
พี่โม : ต้องย้อนความก่อนเลยนะคะ ว่า ช่วงที่โมกำลังเรียนอยู่ชั้น ปวช.2 โมมีคำถามภายในใจเกิดขึ้น คิดว่าแล้วเราจะไปเรียนต่อที่ไหนดีนะ? คิดเท่านั้นแหละก็จริงจังกับการ research หาข้อมูลหาที่เรียนเลย เรามีการวางแผนตัวเองเตรียมการณ์ว่าจะต้องเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ไหนบ้าง โดยเตรียมตัวล่วงหน้าสองปี เพราะโมตั้งใจว่าจะไม่สมัครเรียนต่อ ปวส. คิดว่าถ้าเรียน ปวส. อาจไม่ได้เรียนต่อสายดิจิทัลอาร์ตส์แน่ ตอนนั้นโมได้ถามรุ่นพี่เรียนจบมาด้วยว่า
ประกอบกับเราค้นดูใจตัวเองว่านี่คือสาขาที่เราต้องการเรียนจริงๆ นะ จากนั้นก็เข้าไปเช็คดูรายละเอียดกับสายการเรียน อาจารย์ผู้สอนอีกครั้ง จนสุดท้ายก็ได้มาเจอคำตอบที่มหาลัยศรีปทุม โดยจุดที่เราตัดสินใจเลือกเรียนมหาลัยศรีปทุมอีกข้อก็คือ ทางมหาลัยศรีปทุมนั้นมีทุนสนับสนุนต่างๆ เช่นทุนตัวจริงที่โมนั้นได้ ตอนที่เรามาส่งพอร์ตทุน แล้วได้เห็นบรรยากาศภายในมหาลัย ได้ขึ้นไปดูห้องเรียน ได้พูดคุยกับทั้งอาจารย์และพี่แนะแนว ได้เห็นภาพของรุ่นพี่ที่ดูมีความสุขกับการเรียน ทำให้เราเลือกมหาลัยนี้ไม่ยาก โดยความคิดตอนนั้นถึงไม่ได้รับเลือกทุน ก็ตัดสินใจที่จะเรียนที่นี่ให้ได้แล้วค่ะ จนถึงตอนนี้ที่ได้รับทุนตัวจริงมาแล้วก็คิดเสมอว่าโมเลือกไม่ผิดเลยจริงๆ
พี่โม : ตอนนั้นโมได้รู้จักทุนตัวจริงจากสื่อเฟซบุ๊ก กับรุ่นพี่ที่ได้รับทุนตัวจริงด้วยค่ะ ช่วงก่อนสมัครทุนเราเองก็เตรียมตัวล่วงหน้าไว้แล้ว มีสะสมผลงานวาดรูปต่างๆ รวมทั้งใบประกาศนียบัตรกับรูปภาพที่เคยถ่ายไว้ช่วงที่เราทำกิจกรรมออกบูธจัดออแกไนซ์ ต่างๆ ไว้เยอะเลย ซึ่งโมเตรียมไว้สำหรับเตรียมทำ Portfolio ส่งมหาลัยได้ แต่พอเริ่มมาทำพอร์ตเข้าจริงๆ แล้วลองจัดหน้าเรียงกัน ก็มีความคิดเกิดขึ้นมาว่า
วันสมัครทุนและส่งพอร์ตยังคิดอยู่เลยว่าอาจารย์จะให้เราผ่านไหมนะ? เพราะโมถอดใบประกาศนียบัตรออกหมดเลย แต่พอถึงวันประกาศผลว่า ผ่านรอบแรก ก็ดีใจมากๆ ตั้งใจเตรียมตัวรอไปสัมภาษณ์ คราวนี้ก็เลยขนผลงานที่เคยทำทั้งหมดไปพรีเซนต์ด้วย ทุกวันนี้ยังคิดและภูมิใจที่ได้รับทุนตัวจริงจาก ม.ศรีปทุม อยู่เลยค่ะ แล้วก็คิดว่าเราตัดสินใจถูกที่ตั้งใจทำ Portfolio แนวที่เป็นตัวเองและที่ชอบออกมาจริงๆ การที่โมได้รับทุนตัวจริงนั้น เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับตัวเอง ทำให้มั่นใจว่า 4 ปีนี้ เราจะได้เรียนในสิ่งที่ชอบและจบปริญญาตรีได้อย่างแน่นอน อีกทั้งเราก็รู้สึกภูมิใจกับตัวเองว่าได้ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของครอบครัว ซึ่งตอนที่ทางครอบครัวพอได้ทราบข่าวว่าโมได้รับทุนนะ คุณพ่อคุณแม่และญาติทุกๆ คน ดีใจมากเลยค่ะ และยังสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่มาเรียนที่นี่อีกด้วย
พี่โม : ตอนเข้ามาเรียนสิ่งที่โมประทับใจในมหาลัยมีหลายอย่างนับไม่ถ้วนเลยค่ะ อย่างแรกอาจารย์ที่นี่น่ารักและเป็นกันเองมากๆ เวลามีเรื่องที่อยากจะปรึกษา อาจารย์ก็คอยให้คำแนะนำอยู่ตลอด โดยงานที่ทำก็ปล่อยให้เราจินตนาการได้อย่างเต็มที่ ทุกคนสามารถแสดงศักยภาพหรือแนวคิดของตัวเองออกมาอย่างอิสระ ซึ่งเป็นสิ่งที่หนูประทับใจมากๆ ค่ะ
อย่างที่สอง เพื่อนๆ ที่นี่ทุกคนสุดยอดมากค่ะ ทุกคนเก่งมากๆ แถมทำให้หนูรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอยู่ตลอด จนตอนนี้ยกให้มหาลัยเหมือนเป็นบ้านหลังที่สองไปแล้ว บอกตามตรงว่าไม่เคยมีความรู้สึกอยากมาเรียนแบบทุกวันนี้มาก่อน จนได้มาอยู่ที่ศรีปทุมเนี่ยแหละค่ะถึงเปลี่ยนความคิด (หัวเราะ) อาจดูเหมือนเราอวยแต่พูดจริงนะคะ
อย่างที่สาม ความพร้อมของอุปกรณ์ ดูทันสมัย ทางมหาลัยมีพร้อมมากๆ ค่ะ อีกอย่างที่ประทับใจที่สุดคือ ห้องสมุด มีทุกอย่างจริงๆ ค่ะ ตอนแรกตกใจมากที่เห็นว่ามีคาราโอเกะกับบอร์ดเกมด้วย ทำให้ตั้งแต่เปิดเทอมมา พวกเราก็จองคิวห้องประชุมส่วนตัวที่ห้องสมุดเกือบทุกวัน เพื่อเป็นสถานที่ทำงานไว้พูดคุยปรึกษางานกับเพื่อนๆ ค่ะ
ปัจจุบันเราได้ทำออแกไนซ์จัดงานการ์ตูนกับเพื่อนๆ เคยจัดงานมา 2 ครั้งได้ผลตอบรับและประสบการณ์ที่ดีมากๆ อย่างตอนนี้ งานออแกไนซ์ครั้งที่ 3 เราได้เตรียมจัดงาน Spooky Park TH ในเดือนตุลาคมนี้ พวกเรามีทีมเพื่อนๆ หลากหลาย มีตั้งแต่อายุ 13 - 20 ปี ซึ่งการจัดงานแต่ละครั้งเรามีจุดประสงค์อยากชวนเพื่อนๆ และน้องๆ มารวมตัวทำงานด้วยกัน แบบได้ลงสนามจริงๆ เพื่อที่จะได้รับประสบการณ์การทำงานจริง โดยสนับสนุนเพื่อนๆ ให้ได้ลงผลงานที่งาน กับการพัฒนาการวาดภาพให้เกินขีดสุดของตัวเอง (หัวเราะ) ช่วงนี้ได้ทดลองทำสิ่งๆ ใหม่อีกแล้วค่ะ อย่างการทำเกม Visual Novel คือความตั้งใจอยากตอบแทนลูกค้าที่มาซื้อบัตรเข้างาน เพื่อให้คนที่มาซื้อบัตรรู้สึกคุ้มค่าที่มางาน โดยการเขียนเกมนี้ ทำให้ทำงานร่วมกันเป็นทีมมากขึ้น รู้สึกสนุกและเรียนรู้กับการทำเกมมากๆ เลยค่ะ
พี่โม : ตอนช่วงที่หมดไฟ โมจะไม่ฝืนวาดรูปต่อค่ะ ถ้ารู้ตัวว่าหมดไฟก็จะออกไปเดินเล่นข้างนอก ทำจิตใจให้สบาย รีแล็กซ์ตัวเองทันที พร้อมใส่หูฟังแล้วเปิดเพลงไปด้วย มองดูบรรยากาศรอบๆ อย่างพวกธรรมชาติ ให้ได้แรงบันดาลใจมาวาดต่อไปค่ะ เดิมทีเราเป็นคนชอบธรรมชาติมากๆ พวกดอกไม้ ต้นไม้ ทะเลสาบ ป่าสน ฯลฯ ยิ่งช่วงที่ฝนตกแล้วกลิ่นไอดินตีขึ้นจมูกไอเดียจะแล่นเป็นพิเศษเลยค่ะ เราไม่อยากจะฝืนทำต่อถ้าหมดไฟ เพราะมันจะทำให้เครียดมากกว่าเดิม แล้วงานที่ออกมาก็ไม่ตรงใจเราด้วย